วันนี้ (13 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการก่อสร้างและการปรับปรุงงานระบายน้ำในจุดสำคัญต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง
ชัชชาติกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการตรวจการบ้านก่อนจะเข้าฤดูฝนอย่างแท้จริง โดยจุดเสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครแบ่งเป็นจุดเสี่ยงน้ำฝน 617 จุด และจุดเสี่ยงน้ำหนุนริมแม่น้ำ ซึ่งประกอบด้วยจุดฟันหลอและจุดน้ำซึม 120 จุด ดำเนินการแก้ไขแล้ว 289 จุด โดยจุดที่ยังทำไม่เสร็จ 100% ได้มีการเข้าไปบรรเทาเบื้องต้น เช่น การติดตั้งเครื่องสูบ เป็นต้น
ในจุดแรกที่คณะลงตรวจคือถนนศรีอยุธยา ที่บ่อสูบน้ำคูน้ำกองพันสารวัตรทหารที่ 11 ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บ่อสูบแบบ Pipe Jacking คือระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของท่อระบายน้ำ ซึ่งถนนศรีอยุธยาถือว่าเป็นจุดที่มีน้ำท่วมมาก
โดยการดำเนินการระบบบ่อสูบมีความคืบหน้าไปแล้ว 90% และงานดันท่อเหลือในส่วนการเชื่อมบรรจบท่อที่สำคัญ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
ชัชชาติกล่าวต่อว่า หากจุดนี้ดำเนินการเสร็จจะช่วยบรรเทาน้ำท่วมบริเวณถนนพระรามที่ 6 หน้ากระทรวงการต่างประเทศ, โรงพยาบาลสงฆ์, สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท เป็นต้น โดยจากการลงตรวจหน้างานในวันนี้พบปัญหาที่ต้องแก้ไข เช่น มีขยะที่อาจเข้าไปติดในระบบ และงานในภาพรวมยังไม่เรียบร้อย 100% ต้องเร่งปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ในจุดต่อไปที่ตรวจสอบคือคูน้ำวิภาวดี บริเวณคลองบางซื่อ (ขาออก) บริเวณนี้เป็นจุดที่แบ่งน้ำเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไปดินแดง อีกส่วนไปลงที่คลองบางซื่อ ซึ่งต้องดูแลขุดลอกไม่ให้ขยะอุดตัน โดยบริเวณนี้เป็นพื้นที่ของกรมทางหลวง การดำเนินการต่างๆ กรุงเทพมหานครจะต้องเร่งประสานงานเพื่อให้การทำงานราบรื่นเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้นคณะเดินทางไปคลองด่วน บริเวณสวนลุมไนท์บาซาร์ โดยชัชชาติระบุว่า ปีที่ผ่านมาบริเวณนี้เป็นจุดที่ท่วมหนักหน้าศาลอาญา เป็นเพราะว่าท่อมีจุดบล็อกอยู่ แต่ตอนนี้ กทม. ได้ทะลวงท่อแล้ว ซึ่งจะช่วยให้การระบายน้ำดีขึ้น
และปิดท้ายการสำรวจที่คลองน้ำแก้ว บริเวณวัดลาดพร้าว โดยบริเวณนี้ กทม. จะปรับดาดท้องคลองให้สามารถดึงน้ำได้เร็วขึ้น ช่วยให้ดูดน้ำจากย่านรัชดาไปยังลาดพร้าวและลงคลองบางซื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนมิถุนายน
ชัชชาติกล่าวว่า การระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร หัวใจคือต้องระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และทำอย่างไรให้ระบายออกไปเร็วที่สุด ซึ่งต้องใช้ท่อและระบบต่างๆ ระบายน้ำลงคลองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ในช่วงที่น้ำหนุน น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงกว่าน้ำในคลอง จึงต้องมีประตูระบายน้ำกั้น เพื่อสูบน้ำจากคลองข้ามประตูออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งต่อมา กทม. มีโครงการเพิ่มเติมคืออุโมงค์ระบายน้ำที่นำน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง แต่อาจมีข้อจำกัดคืออุโมงค์จะรับน้ำได้เป็นจุดๆ ต่างจากคลองที่รับน้ำได้ตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตรวจสอบทุกจุดให้เรียบร้อยและทำงานได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อรับมือฤดูฝนที่จะมาถึงในปีนี้