×

ซีอีโอกลุ่มบริษัทเทคยิ้มออก แต่พนักงานบางคนบอกไม่แฟร์ ราคาหุ้นพุ่ง แต่ทำไมบริษัทยังมุ่งลดคน?

28.01.2024
  • LOADING...
บริษัทเทคโนโลยี

ดัชนี S&P 500 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา และดัชนี Nasdaq ก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

 

หุ้น Alphabet กับ Meta ต่างสร้างมูลค่าสูงสุดใหม่ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และ Microsoft ก็ปิดสัปดาห์ไปด้วยมูลค่าตลาด 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 แซงหน้า Apple เป็นที่เรียบร้อย

 

ท่ามกลางความคึกคักของราคาหุ้นบริษัทบิ๊กเทค แต่อุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเดินหน้าปลดคนอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Layoffs.fyi รายงานว่าบริษัทเทคโนโลยี 85 แห่งได้ปลดคนงานออกไปแล้ว 23,670 ชีวิต

 

หากไล่เหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นเดือนแรกของปี 2024 บริษัทอย่าง Google และ Amazon ออกมายืนยันว่าจำเป็นต้องลดจำนวนคนหลายร้อยตำแหน่งในองค์กร แต่สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ SAP บริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก แถลงเกี่ยวกับปรับโครงสร้างใหม่ในบริษัทที่จะกระทบกับพนักงาน 8,000 คน รวมทั้ง Microsoft, eBay และ Brex ที่รวมกันแล้วปลดคนออกไปหลายพันเช่นกัน

 

ถึงแม้ว่าตัวเลขคนตกงานของสายเทคโนโลยีจะดูสูงในเดือนมกราคมปีนี้ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับเดือนเดียวกันของปี 2023 ที่งานเกือบ 90,000 ตำแหน่งถูกขจัดออกไป ซึ่งเป็นยอดสูงสุดของปีนั้น คำถามต่อมาก็คือ ทำไมเดือนมกราคมถึงมีตัวเลขที่สูง?

 

หนึ่งในคำอธิบายของคำถามดังกล่าวคือ บริษัทต่างๆ เริ่มจะต้องจัดแจงงบประมาณสำหรับปีข้างหน้า และพวกเขาตระหนักได้ว่าองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยทรัพยากรที่น้อยกว่า หรือที่คนนิยมพูดกันว่า “Less for more” ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2023 กลุ่มนักลงทุนมักจะถูกใจกับมาตรการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องของเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่แม้เศรษฐกิจดีขึ้น ‘ความประหยัด’ ของบริษัทก็ยังอยู่เหมือนเดิม

 

อีกทั้งในสัปดาห์หน้า (29 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์) จะถึงคิวการรายงานผลประกอบการไตรมาสก่อนหน้าของเหล่าบริษัทอย่าง Alphabet, Amazon, Apple และ Microsoft ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบริษัทในอนาคต ทำให้ธุรกิจต้องหาทางเตรียมตัว

 

การลดคนเพื่อเพิ่มโฟกัสหรือผลตอบแทน?

 

ข้อสงสัยที่ติดใจแรงงานหลายคนทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นประเด็นความจำเป็นของแรงงานมนุษย์ในอนาคตที่เทคโนโลยีฉลาดเทียบเท่าหรือมากกว่าพวกเรา ซึ่งในตอนนี้เรากำลังเห็นสัญญาณของคำตอบได้จากเหตุการณ์ที่เกิดกับบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ที่ปรับลดคนและนำเงินไปลงทุนพัฒนา AI มากขึ้น

 

“บริษัทเทคโนโลยีพวกนี้กำลังเดินหน้าปลดคนงานในส่วนที่ไม่สามารถทำเงินได้อย่างคุ้มค่าให้กับบริษัทได้ เพราะพวกเขาต้องการจะปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดรับกับการมาของ AI” Art Zeile ซีอีโอ DHI Group กล่าว

 

สิ่งที่น่าสนใจของการปลดคนออกระลอกนี้คือ แม้ว่าเหล่าผู้บริหารของแต่ละองค์กรจะมีวิธีการเลือกใช้คำพูดที่ต่างกันในการให้เหตุผลอธิบายการปรับโครงสร้างบริษัท แต่หนึ่งใจความสำคัญที่เหมือนกันในแทบทุกที่ก็คือพวกเขาต้องการ ‘โฟกัส’ ที่มากขึ้น

 

Phil Spencer ซีอีโอของแผนกเกมมิ่งประจำ Microsoft กล่าวว่า การตัดสินใจลดคนเป็นส่วนหนึ่งที่จะลดส่วนงานที่ ‘คาบเกี่ยวซ้ำซ้อน’ กัน หรือ Sundar Pichai ที่ระบุในจดหมายกับพนักงานว่า “เรามีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในปีนี้ และจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ยากลำบากเพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายให้ได้” และเช่นเดียวกันกับ Bob Carrigan ซีอีโอ Audible ที่พูดว่า “Getting leaner and more efficient” ซึ่งก็หมายความว่าคนจะมีจำนวนลดลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อได้

 

นอกจากนี้ CNBC ยังได้สัมภาษณ์ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Publicis Sapient ผู้ให้ข้อสังเกตที่น่าชวนคิดว่า การที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งตัดสินใจปลดคนออกนั้นเป็นเพราะพวกเขาได้เห็นถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ Salesforce และ Meta ในปีก่อน หลังจากที่ทั้งสองบริษัทดำเนินมาตรการลดต้นทุน

 

Salesforce ตัดสินใจลดคน 10% เมื่อเดือนมกราคมปี 2023 และราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาเกือบ 2 เท่าหลังจากสิ้นสุดปี ซึ่งเป็นผลตอบแทนหุ้นที่มากที่สุดของบริษัทตั้งแต่ปี 2009 

 

Meta เองก็แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อันน่าทึ่ง หลังจากปลดคนออกไปกว่า 20,000 ตำแหน่งในปี 2023 เพราะหุ้นของบริษัทถูกขนานนามว่าเป็น ‘ปีที่ดีที่สุด’ นับตั้งแต่เปิดตัวในดัชนี Nasdaq เมื่อปี 2012 

 

การตัดสินใจของทั้งสองบริษัทเทคโนโลยีนี้ในคำพูดของซีอีโอ Publicis Sapient แสดงให้เห็นว่าเมื่อพวกเขาทำสิ่งที่จำเป็นและผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ มันแสดงให้เห็นว่า ‘การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด’ ในเรื่องที่จำเป็นคือสิ่งที่อาจนำมาสู่ประโยชน์แก่ตัวบริษัท

 

แม้ว่าการลดคนจะไม่ได้การันตีว่าหุ้นจะพุ่งขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จในเชิงผลตอบแทนราคาหุ้นที่ท่วมท้นของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วผ่าน Salesforce และ Meta ก็ยากเกินที่ใครจะมองข้ามโอกาสนี้ไปได้

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising