×

“รอวัคซีน รอเยียวยา รอตรวจเชื้อ รอเตียง รอออกซิเจน รอความตาย” มงคลกิตติ์ซักฟอกประยุทธ์ ล้มเหลวจัดการโควิด

โดย THE STANDARD TEAM
31.08.2021
  • LOADING...
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

วันนี้ (31 สิงหาคม) มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าหลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะขณะนั้นอยู่ที่ 6.917 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 41.33% ต่อ GDP หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึง 1.907 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 14.76% ต่อ GDP และขณะนี้เรามีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 8.724 ล้านล้านบาท และหนี้สาธารณะของประเทศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2574 อยู่ที่ 8.8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 56.09% ต่อ GDP 

 

สำหรับหนี้ครัวเรือนไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท หรือสรุปหนี้ทั้งหมดของประเทศไทยทั้งหมดนั้นติดลบอยู่ที่ 1.407 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณขาดดุลตั้งแต่ปี 2558-2562 อยู่ที่ 2.192 ล้านล้านบาท 

 

ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง โดยช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม – 17 ธันวาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อ 4,281 ราย เสียชีวิต 60 ราย การแพร่ระบาดรอบ 2 เกิดจากการเปิดนำแรงงานต่างชาติเข้ามาโดยไม่กักตัว มีการทุจริต รัฐบาลผิด 100% และการแพร่ระบาดรอบที่ 3 เริ่มตั้งแต่คลัสเตอร์ทองหล่อ การปล่อยประละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐ ถือว่ารัฐบาลผิด 200%

 

มงคลกิตติ์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลยังมีความผิดพลาด ความประมาท หรือการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งโง่ หรือโง่จริง ในการจัดสรรวัคซีนที่ผิดพลาด เริ่มต้นจากวัคซีนแบบ mRNA ของ Pfizer ได้ทำหนังสือขอเข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งที่ขณะนั้นบริษัทวัคซีนของ Pfizer เสนอวัคซีนให้รัฐบาลไทยจำนวน 25 ล้านโดส สำหรับการจัดทำหนังสือครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำหนังสือขอเข้าพบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอเรื่องเดิม และผลตอบรับก็เงียบเหมือนเดิม 

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังได้ปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ COVAX เมื่อประชาชนกดดันมากๆ นายกรัฐมนตรีก็มอบให้ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติออกมาขอโทษพี่น้องประชาชน แทนที่ตนเองจะออกมาขอโทษประชาชน ก่อนที่จะกล่าวว่าประเทศไทยจะเข้าร่วมกับ COVAX ในปี 2565 ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ หรือเป็นเพราะว่าไม่สามารถที่จะซื้อได้ผ่านตัวแทน หรือไม่มีค่าคอมมิชชัน ไทยจึงไม่เข้าร่วมโครงการ

 

การที่รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนของ Sinovac ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตายเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย เป็นวัคซีนเกรด D ที่มีประสิทธิภาพ 50.4% ที่สั่งไวมาไว ในราคาที่ไม่ถูก ที่สามารถป้องกันโควิดเฉพาะสายพันธุ์อู่ฮั่นและสายพันธุ์อังกฤษบางส่วน ขณะที่ป้องกันสายพันธุ์เดลตาไม่ได้ แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขกลับออกมาให้ข้อมูลว่า วัคซีนของ Sinovac 2 เข็ม สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ 75% 

 

วัคซีน mRNA ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง พยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัทเอกชนแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องรอรัฐบาลนำเข้ามาปลายปีเท่านั้น จึงมองว่ารัฐบาลไม่สนใจชีวิตของทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ว่าจะเจ็บป่วยล้มตายไปอีกเท่าใด

 

มงคลกิตติ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการตัดสินใจที่พลาดของรัฐบาลที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการปล่อยให้ประชาชนกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังจะลักหลับในการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมสุดซอยล้างผิดที่ปล่อยให้ประชาชนติดโควิดและเสียชีวิตด้วย และรัฐบาลยังได้ปิดกั้นสื่อมวลชน โดยการออกประกาศคำสั่งห้ามเสนอข่าวสารที่กระทบต่อความมั่นคงอีกด้วย 

 

“อย่างไรก็ตาม ในวันนี้รัฐบาลยังปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับโรคระบาดแบบตามมีตามเกิด ให้รอวัคซีน รอเยียวยา รอตรวจเชื้อ รอเตียง รอออกซิเจน รอความตาย ทรมานจนต้องตายคาบ้าน ตายข้างถนน นายกรัฐมนตรีก็ยังทำงานแบบ Work from Home” มงคลกิตติ์กล่าว

 

มงคลกิตติ์กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนชอบใช้กองกำลังแบบติดอาวุธ ที่ใช้ตำรวจกว่า 6,000 นาย ในการปกป้องบ้านตนเอง สั่งปราบปรามผู้เห็นต่าง โดยใช้อาวุธทั้งสารเคมีแก๊สน้ำตา กระสุนยาง บ้างเพื่อพยุงอำนาจตนเอง พยายามออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมสุดซอย ล้างผิดตนเองและพวกพ้อง โดยอ้างเป็นการปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้า ออกกฎหมายปิดปากสื่อมวลชนประชาชนที่วิจารณ์รัฐบาล นายกรัฐมนตรีรู้หรือไม่ว่าประชาชน 99.99% เขารังเกียจท่าน ขยะแขยง ถ้าท่านไม่เชื่อท่านลองไปเดินตลาดคนเดียว แล้วท่านจะรู้ว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรกับท่าน 

 

“นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศแบบผิดพลาด เพราะโง่เขลา หรือแกล้งโง่ หรือต้องการค้าความตายของประชาชน เอาแต่ประโยชน์เข้าตัวและพวกพ้อง จนทำให้ประชาชนต้องลำบาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน น่าจะเป็นความผิดพลาดของบ้านเมืองที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีได้” มงคลกิตติ์กล่าวในที่สุด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising