นักวิเคราะห์ชี้ ปี 2023 หุ้นบริษัทสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ยังเผชิญความลำบากต่อไป หลังจำนวนสมาชิกลดลง และตลาดโฆษณายังไม่ฟื้นตัว ฝั่ง Disney-Netflix เร่งหั่นราคาโฆษณาเพิ่มรายได้
CNBC รายงานว่า ตลาดสตรีมมิงเริ่มมาถึงจุดเปลี่ยน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการแข่งขันสูง ผู้เล่นในตลาดต่างโฟกัสการหารายได้จากการสมัครสมาชิก และรายได้จากการโฆษณามากขึ้น
เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของหุ้น อย่าง Disney และ Warner Bros. Discovery
แตะลงระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ในช่วงปลายเดือนธันวาคม โดยหุ้นของ Warner ลดลงมากกว่า 60% และ Disney ลดลงมากกว่า 45%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘บ็อบ ไอเกอร์’ หวนกลับมารับตำแหน่งซีอีโอ Disney ถูกมองเป็นการกลับมาของการกบฏที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ ‘สตีฟ จ็อบส์’ ยึด Apple คืน
- Disney’ สั่งระงับการจ้างงานใหม่ และอาจปรับลดจำนวนพนักงานลง หลังผลประกอบการบริษัทออกมาย่ำแย่
- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งหนัก ฉุดดัชนีแนสแด็กร่วง 2.4% กังวลเงินเฟ้อพุ่งแรง บีบ ‘Fed’ ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทต่างๆ สูญเสียมูลค่าตลาดหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสมัครสมาชิกแพลตฟอร์มลดลง และในส่วนของตลาดโฆษณายังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้หลายๆ บริษัทยังชะลอการลงทุน ดังนั้น Netflix และ Disney จึงได้เพิ่มทางเลือกโฆษณาให้มีราคาถูกลง หวังเข้าตอบโจทย์ลูกค้า
รวมถึง Paramount และ Comcast ก็เผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ต้นปี 2022 เช่นเดียวกัน
ตามรายงานของผู้บริหารสื่อและนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ระบุว่า เป็นไปได้ว่าในครึ่งปีแรกของปี 2023 ตลาดสตรีมมิงยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากต่อไป
Mark Boidman หัวหน้าฝ่ายสื่อและวาณิชธนกิจเพื่อความบันเทิงของ Solomon Partners กล่าวว่า ทุกคนพูดมาหลายปีแล้วว่าเทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนโลกของสื่อ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ และตอนนี้เรามาถึงจุดวิกฤตแล้ว
โดยปัจจุบันหุ้นของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็ยังไม่ฟื้นตัว และนับเป็นปีที่ยากลำบากของตลาดหุ้นดัชนี Nasdaq ของสหรัฐฯ ที่กำลังลดลงถึงขั้นเลวร้ายมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 และอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ด้านฝั่งความเคลื่อนไหวของสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ Netflix หุ้นลดลงมากกว่า 50% โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดลดลงเหลือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ Netflix รายงานว่า บริษัทได้สูญเสียสมาชิกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยให้เหตุผลว่ามีการแข่งขันที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน Disney ยอมรับว่าได้เผชิญกับความท้าทายจากโควิดตั้งแต่ช่วงแรกๆ และหลังจากรายงานผลประกอบการในเดือนพฤศจิกายน ถือว่าไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ แม้ว่าคณะกรรมการของบริษัทได้นำอดีตเจ้านายเก่าที่ร่วมงานกันมานานอย่าง บ็อบ ไอเกอร์ เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ และนักลงทุนของ Disney จะให้การยอมรับกับการกลับมาของ บ็อบ ไอเกอร์ แต่ไม่นานหลังจากนั้นหุ้นก็ทรุดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัว ‘Avatar: The Way of Water’ ทำเงินน้อยกว่าที่คิด
อ้างอิง:
