การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิดในสหรัฐฯ ที่กลับมาทวีความรุนแรง โดยมีผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 1 แสนคน ส่งผลให้ชาวอเมริกันเริ่มแสดงความกังวลว่า สถานการณ์อาจกลับไปสู่จุดเลวร้ายเช่นเมื่อต้นปีอีกครั้ง
หนึ่งในความกังวลที่ปรากฏชัดเจนคือ ประสิทธิภาพของวัคซีนในการต้านทานเชื้อโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่กำลังกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ หลังพบผู้ติดเชื้อบางส่วนเป็นกรณีการติดเชื้อภายหลังฉีดวัคซีน หรือ Breakthrough Infection ซึ่งรายงานจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Washington Post เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อ้างเอกสารภายในของ CDC ประเมินว่า อาจมีชาวอเมริกันที่ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนแล้วมากถึง 35,000 คนต่อสัปดาห์ ขณะที่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ก็มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วกว่า 7,700 คน นับจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ตัวเลขเหล่านี้ก่อให้เกิดคำถามว่า เป็นการสะท้อนภาพความน่ากลัวของสถานการณ์โควิดในสหรัฐฯ ได้จริงหรือไม่ และวัคซีนที่สหรัฐฯ ใช้อยู่ ทั้ง Pfizer-BioNTech, Moderna และ Johnson & Johnson ตอนนี้ยังมีประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในการยับยั้งการระบาดได้แค่ไหน?
การติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน และการสำรวจของมูลของ CDC
- CDC ให้คำจำกัดความของการติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนว่า เป็นการตรวจพบสารพันธุกรรมชนิด RNA หรือแอนติเจน (Antigen) ของไวรัส SARS-CoV-2 (ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่) จากตัวอย่างในระบบทางเดินหายใจของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน
- CDC ดำเนินการเก็บรวมรวบข้อมูลการติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน โดยได้รับรายงานตรงจากหน่วยงานสาธารณสุขประจำรัฐต่างๆ พร้อมข้อมูล ทั้งจำนวนผู้ป่วย พิกัดตำแหน่ง ระยะเวลานับตั้งแต่ฉีดวัคซีน ชนิดวัคซีน และสายพันธุ์ของไวรัสโควิดที่ได้รับเชื้อ
- ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา CDC หยุดการติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตในรัฐต่างๆ โดยมุ่งรวบรวมและนำเสนอข้อมูลในระดับประเทศแทน และมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูล REDCap เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นในแต่ละรัฐ ให้สามารถเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนได้
ผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ มีมากแค่ไหน
- Washington Post เปิดเผยข้อมูลเอกสารภายในของ CDC บ่งชี้ว่า อาจมีชาวอเมริกันที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อแบบมีอาการมากถึงกว่า 35,000 คน ต่อสัปดาห์ แต่ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับจำนวนผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสทั่วประเทศที่มีกว่า 166.5 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 50.1% ของประชากรทั้งหมดกว่า 333 ล้านคน
- จากการเก็บข้อมูลของ CDC จนถึงวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่อาการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ 7,525 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1,507 คน หรือประมาณ 20%
- มูลนิธิ Kaiser Family Foundation (KFF) รวบรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนในแต่ละรัฐพบว่า 25 รัฐ จาก 50 รัฐทั่วประเทศ มีรายงานผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน ในจำนวนนี้ 24 รัฐ พบผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่มีอาการป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
- KFF เผยว่า ข้อมูลจากรัฐต่างๆ บ่งชี้ว่าอัตราการติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ มีน้อยกว่า 1% หลายรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย นิวเจอร์ซีย์ เดลาแวร์ อินเดียนา และนิวเม็กซิโก ไม่มีผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ขณะที่อัตราการเสียชีวิตยิ่งต่ำกว่ามาก มีเพียงบางรัฐ เช่น อาร์คันซอและมิชิแกน ที่พบผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนเสียชีวิต 0.01%
กรณีศึกษารัฐแมสซาชูเซตส์ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ใน 4 ฉีดวัคซีน mRNA
- CDC เผยแพร่ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐแมสซาชูเซตส์เมื่อวันที่ 30 กรกฏาคมที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อ 496 คน จากงานและกิจกรรมฤดูร้อนที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนจำนวนมาก ภายในเมืองโพรวินซ์ทาวน์ ในจำนวนนี้ 74% หรือประมาณ 3 ใน 4 เป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีน mRNA ครบ 2 โดส หรือแบบ 1 โดส ของ Johnson & Johnson ขณะที่ 274 คน เป็นการติดเชื้อแบบมีอาการ
- แมทธิว ฟ็อกซ์ นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ชี้ว่า กรณีตัวเลข 74% ของผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนในรัฐแมสซาชูเซตส์ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อภาพรวมของสถานการณ์ระบาด หากไม่เข้าใจในบริบทต่างๆ อย่างเหมาะสม เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนภายในรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้สัดส่วนผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนแล้วสูงตามไปด้วย
- ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขรัฐแมสซาชูเซตส์เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ 2 โดส พบว่า จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนภายในรัฐที่ยืนยันแล้วทั้งหมด 7,737 คน เทียบเป็นสัดส่วนประมาณ 0.18 ของประชากรภายในรัฐที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วราว 4.4 ล้านคน
- 95% ของจำนวนผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่รัฐแมสซาชูเซตส์นั้นไม่มีอาการป่วยหนัก ส่วนผู้ติดเชื้อที่ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลมีเกือบ 400 คน และเสียชีวิตประมาณ 100 คน หรือราว 0.002% ของประชากรที่ฉีดวัคซีนทั่วทั้งรัฐ
ความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพวัคซีน
- CDC ชี้ว่า สัดส่วนผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนที่ปรากฏจนถึงปัจจุบันถือว่ามีจำนวนน้อย และจนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏรูปแบบการแพร่ระบาดที่เกินกว่าที่คาดไว้
- CDC ระบุว่า วัคซีนทั้งหมดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ 100% แต่ให้ความมั่นใจว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อไวรัส และแนะนำให้ประชาชนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถกลับมาทำกิจกรรมและใช้ชีวิตได้แบบที่เคยทำก่อนเกิดการระบาดของโควิด
ภาพ: Adam Glanzman / For The Washington Post via Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.cdc.gov/vaccines/covid-19/health-departments/breakthrough-cases.html
- https://www.kff.org/policy-watch/covid-19-vaccine-breakthrough-cases-data-from-the-states/
- https://www.vox.com/22602039/breakthrough-cases-covid-19-delta-variant-masks-vaccines
- https://www.theguardian.com/commentisfree/2021/aug/06/cdc-covid-coronavirus-data-breakthrough-cases
- https://www.nbcboston.com/news/local/nearly-8000-breakthrough-covid-cases-reported-in-mass-100-have-now-died/2456116/
- https://www.washingtonpost.com/health/2021/07/29/cdc-mask-guidance/
- https://www.cnbc.com/2021/07/30/cdc-study-shows-74percent-of-people-infected-in-massachusetts-covid-outbreak-were-fully-vaccinated.html
- https://www.usatoday.com/story/news/nation/2021/08/08/cdc-report-provincetown-covid-outbreak-misinterpreted-social-media/5530097001/