วานนี้ (8 ธันวาคม) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ว่า ทางการกัมพูชาต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการสอบสวนอย่างรอบด้าน ไม่ลำเอียงและเป็นอิสระต่อการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจากไทย
สำหรับ วันเฉลิม นักกิจกรรมวัย 37 ปี ถูกบุคคลไม่ทราบฝ่ายลักพาตัวไปจากอพาร์ตเมนต์ของเขาในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เขาถูกออกหมายจับโดยทางการไทย จากการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทย
สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม อยู่ระหว่างการเข้าให้การกับผู้พิพากษาศาลแขวงกรุงพนมเปญ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนของทางการกัมพูชาในกรณีนี้
กว่าหกเดือนนับตั้งแต่การหายตัวไป ทางการกัมพูชารายงานความคืบหน้าของการสอบสวนเพียงเล็กน้อย แม้ว่ามีหลักฐานสำคัญที่มีรายงานต่อสาธารณะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรมและที่อยู่ของวันเฉลิม
“ข้อบกพร่องชัดเจนของการสอบสวนครั้งนี้จนถึงปัจจุบันทำให้เห็นว่า กัมพูชาอาจไม่ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่จะจัดให้มีการสอบสวนอย่างรอบด้าน ไม่ลำเอียง และเป็นอิสระ การสอบสวนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และดูเหมือนว่ามีการเพิกเฉยต่อพยานหลักฐานสำคัญ ทางการกัมพูชาต้องแสดงให้เห็นว่า พวกเขาทำการสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นอาจมีการตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานอย่างสุจริตใจหรือไม่” ยามินี มิชรา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังเรียกร้องทางการกัมพูชา ให้แก้ไขปัญหาการสอบสวนที่ชัดเจนนี้อย่างเร่งด่วน ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่มี เกี่ยวกับชะตากรรมและที่อยู่ของวันเฉลิมโดยทันที และประกันให้เกิดความจริง ความยุติธรรม และการเยียวยากับวันเฉลิมและครอบครัวของเขา
ขณะที่ความล้มเหลวของทางการกัมพูชาในการดำเนินงานให้เกิดความก้าวหน้าด้านการสอบสวนอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดคำถามว่า ได้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานการสอบสวนตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย (CED) ซึ่งกัมพูชาเป็นรัฐภาคีหรือไม่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: