วันนี้ (30 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าให้หน่วยงานด้านความมั่นคงสั่งการให้ตัดการขายไฟฟ้าไปยังเมียนมาหากพบว่ามีการส่งไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า หากมีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงก็มีสิทธิ์ที่จะร้องเพื่อสั่งการให้ตัดไฟได้ ซึ่งหากเป็นเรื่องการตัดไฟก็อยู่ในดุลยพินิจเขาอยู่แล้วที่ต้องทำ แต่หากไม่มั่นใจว่าบริเวณนี้มีปัญหาหรือไม่ ก็จะให้ฝ่ายความมั่นคงช่วยดำเนินการ ถือเป็นการดำเนินการตามปกติ
ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่หมายถึงคือทหารและตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ตนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ต้องทำหน้าที่ประสานงาน
เมื่อถามว่า หากกระทรวงมหาดไทยส่งเรื่องไป สามารถตัดไฟฟ้าได้ทันทีใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยก็ถือเป็นหนึ่งหน่วยงานของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งต้องมีการหารือกัน เพราะอย่างที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็บูรณาการการทำงานทั้งหมด ซึ่งเราจะมีหน่วยบัญชาการที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จคือหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (นบ.ยส.) ซึ่งจะมีแม่ทัพภาคเป็นผู้ดูแล
เมื่อถามว่า ประเด็นดังกล่าวถือว่ากระทบกับความมั่นคงหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า หากพิจารณาในภาพรวมก็จะดูว่ามีปัญหา แต่ประเด็นที่ 1 เรื่องตัดไฟที่จ่ายให้เมียนมามี 2 จุด คือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว บริเวณนั้นไม่ได้มีการตัดไฟฟ้า เพราะถือเป็นการใช้ไฟตามปกติ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชน มีศูนย์เด็กเล็กและแหล่งพยาบาล และไม่มีความเกี่ยวพันกับเรื่องยาเสพติดหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์
อีกส่วนคืออำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ก็ยังคงจ่ายไฟเช่นกัน เพราะมีชาวบ้านอาศัยอยู่
แต่จุดที่มีปัญหาคืออำเภอแม่ระมาดและแม่สอด ซึ่งเราตัดไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2567 แต่มีประเด็นที่ตนได้สั่งการไป หากพบว่าใครที่รู้ว่าจุดใดมีการส่งไฟให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยังมีการจ่ายไฟอยู่ ให้ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด มีความผิด ฝ่ายความมั่นคงเราจะดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 มีการตัดไฟในจุดที่มีปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงรื้อเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว แต่หากเขาจะใช้เครื่องปั่นไฟเองก็ต้องติดตามดู เพราะเป็นเรื่องภายในของเขา
เมื่อถามย้ำว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปั่นไฟเองใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นทางการว่าเราส่งไฟไปให้ ยืนยันว่ายกเลิกทั้งหมดแล้ว แต่อาจจะมีลักลอบส่งไป ก็ต้องตรวจสอบกันโดยตลอด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เข้มงวดในบริเวณนั้นอยู่
เมื่อถามว่า ในเร็ววันนี้จะมีการประชุม เรื่องความมั่นคงจะได้ข้อสรุป ปัญหาการส่งไฟไปให้เมียนมากระทบกับความมั่นคงหรือไม่
ภูมิธรรมกล่าวว่า การเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ในวันนี้ก็จะเป็นแนวปฏิบัติสูงสุดที่ทุกหน่วยต้องทำร่วมกันเพื่อบูรณาการ เพราะวันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ทหาร, ตำรวจ, ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้อง, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวมถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ถือเป็นการบูรณาการงานให้เป็นหน่วยเดียว และเราจะเพิ่มการซีลชายแดนเพิ่มจากปกติ โดยมี 51 อำเภอเข้าไปสนับสนุน เพื่อเป็นการซีลชายแดนชั้นที่ 2 เพราะหากเล็ดลอดมาตามช่องทางธรรมชาติก็จะมาพักอยู่ในอำเภอ รวมถึงสถานีตำรวจ 76 สถานี และใช้เวลา 6 เดือนในการประเมินผล
ส่วนที่อำเภอแม่สอดเคยมีวิธีการใช้กฎหมาย ซึ่งในอดีตสมัย ทักษิณ ชินวัตร เคยใช้แล้วได้ผล ก็จะให้จังหวัดตากใช้เป็นโมเดล ส่วนพื้นที่ภายในก็มีส่วนรับผิดชอบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าไทยจะถูกปรับลดการจัดอันดับการค้ามนุษย์ลงเหลือเทียร์ 2 หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ห่วง เพราะปัจจุบันเราแก้ไขปัญหา ไม่ได้นิ่งเฉย สิ่งที่เราทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติดอย่างเดียว แต่จะใช้เรื่องยาเสพติดนำทางไปในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ตามแนวชายแดน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ทุกอย่างจะรวมศูนย์อยู่ในนี้ เรื่องนี้เราหารือไว้ทั้งหมดแล้วทั้งในระดับกองทัพและตำรวจ อยากให้มั่นใจ เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้ ฝ่ายความมั่นคงก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เพราะเกี่ยวพันกับหลายเรื่อง จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจและสบายใจ ในช่วง 6 เดือนเห็นผลอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ได้รวมปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องมีมาตรการเฉพาะ