วันนี้ (22 เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเกิดกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะมีการเตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยอาจมีการสลับสับเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลที่จะมาหมุนเวียนกำกับดูแลกระทรวงต่างๆ สื่อมวลชนได้สอบถามความเห็นจากรัฐมนตรีหลายคนถึงประเด็นดังกล่าว
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การปรับ ครม. เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี ถ้าเห็นว่าคนใดหรือรัฐมนตรีกระทรวงใดมีความไม่เหมาะสมหรือมีความผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอร์รัปชันหรืออะไรที่ไร้ประสิทธิภาพ ก็เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรีที่จะปรับ ซึ่งเมื่อจะปรับแล้ว กระทรวงที่จะปรับอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหน ก็ต้องเคลียร์กับพรรคนั้น
“ตอนนี้ยังไม่มีใครได้สัญญาณจากนายกรัฐมนตรีเลยว่าจะปรับ ครม. เป็นเรื่องที่พูดจากวงนอกกันเป็นส่วนใหญ่ ผมรู้สึกว่าอยู่ดีๆ เรื่องนี้ ก็ลอยขึ้นมาเป็นประเด็น ผมคิดว่าไม่เกี่ยว เรื่องนี้ต้องรอถามนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ภูมิธรรมกล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีเรื่องภายในของตัวเองที่ต้องไปเคลียร์ แต่สำหรับการมาร่วมเป็นรัฐบาล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ก็ยังไม่เห็นมีประเด็นอะไรที่ขัดแย้งกัน พร้อมยอมรับว่ามีความแตกต่าง แต่ความแตกต่างก็เป็นเรื่องที่คุยกันและเป็น เรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตยและเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะคิดเห็นต่างกันได้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยหลักการและความถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบาย ถ้ามีความไม่เข้าใจ มองเป็นเรื่องกาสิโน ซึ่งนโยบายไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเป็น Entertainment Complex และการทำเรื่องนี้ ต้องการแก้ปัญหาหลายอย่าง และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น กาสิโนเป็นส่วนเล็กนิดเดียว และไม่ได้มีทุกที่ จะมีกาสิโนหรือไม่ก็อยู่ที่เงื่อนไขและความเหมาะสม
สมศักดิ์บอกไม่รู้รายละเอียด จ่อถูกสลับไป มท.1
ด้าน สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจถูกสลับให้ไปกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย แทน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า เป็นข่าวที่มีการพูดคุยกัน แต่เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศแล้วว่ายังไม่มีการปรับ ครม. ยังไม่ถึงเวลา ก็ต้องฟังนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย และความเหมาะสม ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดลงลึก
กล้าธรรมยืนยัน ไม่ไปกระทรวงอื่น อยู่เกษตรฯ ต่อไป
ขณะที่ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกระแสปรับ ครม. ของพรรคกล้าธรรม โดยระบุว่า ไม่มี ยังไม่มีการส่งสัญญาณ ส่วนที่กระแสเกิดไวขนาดนี้ ก็มาจากสื่อที่วิจารณ์กัน พร้อมยืนยันว่า พรรคกล้าธรรมยังอยู่ในกระทรวงเกษตรฯ ตามสัดส่วนเดิม ไม่มีแนวคิดจะไปอยู่กระทรวงอื่น
ส่วนกระแสข่าวว่าจะเข้ามาดูแลกระทรวงมหาดไทยนั้น นฤมลย้ำว่า ไม่มีเลย ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมด้วยกัน กระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล กำกับดูแลอยู่ พอมาบอกพรรคเราจะเข้าไป จะทำให้เกิดความขัดแย้ง พรรคกล้าธรรมไม่มีแนวคิดเอาสัดส่วนของพรรคอื่น เรายืนยันดูแลกระทรวงเกษตรฯ และพี่น้องเกษตรก็กำลังเดือดร้อน
พรรคร่วมพ้องเสียง ไร้สัญญาณจากนายกฯ
ส่วน เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณจาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค เพราะหากมีการปรับ ครม. จะต้องมีการแจ้งหัวหน้าพรรค ซึ่งในส่วนของหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งมีเพียงการพูดคุยในส่วนของการทำงานแต่ละกระทรวง และพีระพันธุ์ ก็ตั้งใจที่จะ กดราคาค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เหลือ 3.99 บาท ขณะที่ในส่วนของตนเอง ก็มุ่งแก้ปัญหาอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญที่กระทบกับมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีและกระทบกับความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักของตน
ส่วนที่มีการวิเคราะห์ ทางการเมืองหรือไม่เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเป้าที่จะถูกปรับออกคณะรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันกลายเป็นพรรคภูมิใจไทยแทน เอกนัฏ ระบุว่า “พูดตรงๆ ตอนนี้ทั้งสมอง สติ คิดแต่เรื่องอื่นอยู่ คิดแค่ว่าวันนี้อยู่ตรงนี้ทำงานให้ดีที่สุด การเมืองไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ พูดไปเดี๋ยวก็ผิด เดี๋ยวก็ถูก คาดการณ์ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สำคัญวันที่เราอยู่เป็นรัฐมนตรี เราทำอะไรบ้าง ผมคิดแบบนี้จริงๆ ทั้งวัน ไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย”
ฟาก วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายโพลออกมา ซึ่งความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะปรับอย่างไรหรือปรับแค่ไหนและจะปรับเมื่อไร ส่วนตนเองคงฟังข่าว หรือรอฟังการพูดคุยกันก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการส่งสัญญาณการปรับ ครม.
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการแลกกระทรวงในสัดส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา วราวุธตอบว่า ชาติไทยพัฒนาไม่ใช่พรรคใหญ่ มีแค่ 10 คน คงไม่ได้ไปต่อรองอะไร จากการทำงานของเราที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะอยู่ในภารกิจใด พรรคชาติไทยพัฒนาสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การไปต่อรองหรือสลับกระทรวง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน
สำหรับ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องปรับ ครม. ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเป็นหนึ่งในกระทรวงที่ประชาชนอยากให้มีการปรับ โดยระบุว่า การปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจ 100% แต่การอยู่ร่วมกันในรัฐบาล นายกรัฐมนตรีให้เกียรติทุกพรรค และถ้าจะมีเรื่องสำคัญอะไรจะมีการพบปะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสาน ในประเด็นความรู้สึกและทัศนะของประชาชนเราก็รับฟัง แต่ปกติการทำโพลในจำนวนมากๆ รัฐบาลจะยึดจากสำนักงานสถิติที่จะใช้หลักและวิธีการวิจัย ซึ่งเราก็รับฟังแม้จะหนึ่งคนก็ต้องรับฟัง และต้องนำมาปรับปรุงการทำงาน
