ตั้งแต่เล็กจนโตเวลาเอ่ยถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ชื่ออันดับแรกที่เข้ามาในหัวเลย คือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคาที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรม สัญลักษณ์ของจังหวัดซึ่งกำลังถูกพิจารณาเป็นมรดกโลก จนกระทั่ง 5 ปีให้หลัง ทีมฟุตบอล ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ ติดโผร่วมมาด้วย ใครที่ติดตามหรือเคยมาจังหวัดบุรีรัมย์จะรู้เลยว่าจังหวัดนี้เปลี่ยนไปมาก มีทั้งสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ สนามแข่งรถ รวมไปถึงโรงแรมหลากหลายระดับเข้ามาตั้งรกราก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงประดิษฐ์มากกว่าเชิงวัฒนธรรม
THE STANDARD ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ไปเยี่ยมชม ‘บ้านสนวนนอก’ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในเขตอำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ ที่พัฒนาต่อยอดวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนเองให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ จนได้รับคัดเลือกให้เป็น ‘ต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน’ จากกระทรวงมหาดไทย
บ้านสนวนนอก เป็นชุมชนโบราณที่มีขนาดเล็กเพียง 150 ครัวเรือน เดิมพื้นที่บริเวณหมู่บ้านเป็นผืนป่าทึบที่มีต้นสนวนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก คนในหมู่บ้านและคนภายนอกจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า ‘บ้านสนวนนอก’ ตามชื่อต้นไม้
ชาวบ้านที่นี่ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาถิ่น และยังดำรงชีพด้วยงานเกษตรกรรม ทำไร่ไถนาเป็นหลัก หมดหน้าน้ำเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก็อาศัยรายได้จากงานจักสาน หัตถกรรม และการทอผ้าเสริมเข้ามา คนในหมู่บ้านเชื่อว่า ลูกสาวบ้านไหนสาวไหมไม่เป็น หรือ ผู้ชายบ้านไหนทำเครื่องจักสานข้าวของใช้เองไม่ได้ เป็นอันตกพุ่มหม้าย ไม่ได้แต่งงานแน่นอน ดังนั้น ผู้หญิงในหมู่บ้านจึงทอผ้าเป็นทุกคน และทอใช้เองตั้งแต่ยังสาว ทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ไปจนถึงซักฟอกและถักทอ
เอกลักษณ์ของผ้าไหมบ้านสนวนนอก คือ ผ้าหางกระรอกคู่ตีนแดง ผ้าไหมลายดั้งเดิมที่ตกทอดกันมาแต่โบราณ โดยมีลายยกดอกพิกุล เป็นลายเอกลักษณ์ของบ้านสนวนนอก ลักษณะลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความประณีตและงดงาม โดยใช้เทคนิคการควบเส้นในการปั่นด้าย ตามความเชื่อเรื่องความกลมเกลียวสามัคคีในครอบครัว ซึ่งไหมที่ถูกควบแล้วจะนำไปถักทอ เมื่อนำมาใช้เป็นเส้นพุ่งทอกับเส้นยืน สีพื้นจะทำให้เกิดลายเหลื่อมกันเป็นสีเหลืองคล้ายหางกระรอก เรียกว่า ‘กะนีว’ หรือ ‘ผ้าหางกระรอก’ ลักษณะของผ้ากะนีวนี้ผิวสัมผัสจะมีความมันระยิบระยับ เมื่อนำไปส่องกับแดดจะแยกสีได้ชัดเจน
ผู้ใหญ่บ้านพาเราชมขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเก็บใบหม่อน ณ สวนปลูกหม่อน ซึ่งอยู่ในสวนตามบ้านต่างๆ หลังจากนั้นจึงพาเราไปดูการเลี้ยงตัวไหม สาวด้ายออกรัง ลองต้มซักฟอกย้อมไหม ไปจนถึงการทอ เวลาดูคุณป้าคุณยายทั้งหลายทำแล้วรู้สึกว่าง่ายแสนง่าย แต่พอลองทำจริงก็รู้เลยว่าต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญเป็นสำคัญ
นอกจากดูการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า ที่หมู่บ้านยังมีฐานให้เยี่ยมชมอีก 3 จุด คือ ฐานทำกระดิ่งหรือกระดึงที่เอาไว้ห้อยคอวัวหรือควาย ฐานจักสาน ที่เอาไม้ไผ่ ไม้สารพัดประโยชน์มาจักตอกเป็นเส้นๆ และฐานบ้านนก ของแต่งบ้านที่ผลิตขึ้นจากการทำกะลามะพร้าวมาประยุกต์ดัดแปลง
ตกเย็น ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเลี้ยงต้อนรับเราด้วยอาหารพื้นถิ่นนานาชนิด อาทิ แกงกล้วย ต้มไก่ใบหม่อน บวชบุก ยำดักแด้ รวมถึง ‘ขนมตดหมา’ ขนมพื้นบ้าน ลักษณะคล้ายขนมจาก ชื่อไม่น่าภิรมย์ แต่รสชาติอร่อยขัดกับชื่อมาก ทั้งยังมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงพื้นเมือง ‘รำกันตรึม’ บรรยากาศเฮฮา สนุกสนาน และอาหารอร่อยมาก
สำหรับผ้าทอ ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมและงานหัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ พัด ของประดับตกแต่ง ส่วนใหญ่จะถูกนำมาวางขายให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อ ณ บริเวณ ‘ตลาดโบราณ’ ซึ่งเปิดขายทุกวันเสาร์ หรือเมื่อมีคณะดูงานมาเยี่ยมชมหมู่บ้าน
ตลอดการท่องเที่ยวในหมู่บ้านสนวนนอก นอกจากจะได้มาเห็นกระบวนการทอผ้าไหมและวิถีชีวิตต่างๆ ของชาวบ้านแล้ว ยังสามารถเยี่ยมชมและทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการตักบาตรยามเช้า แวะสักการะ ‘ศาลหลวงปู่อุดม’ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เป็นดั่งผู้คุ้มครองหมู่บ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข ใครจะมาจะไปต้องมาไหว้และบอกกล่าว หรือจะชมความงามของพระอุโบสถ ‘วัดสนวนนอก’ วัดสำคัญของชุมชนที่มีหลวงพ่อพระไม้เป็นพระพุทธรูปสำคัญของวัด ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังเก่า
ปกติเวลาเราไปเที่ยวหมู่บ้านโฮมสเตย์ ต้องมาเป็นหมู่คณะจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่เอ่ยอ้างขึ้นมาได้ แต่สำหรับบ้านสนวนนอกนั้นต่างออกไป บ้านทุกหลังทำกิจกรรมต่างๆ จริง ยังคงใช้วิถีชีวิตแบบนั้นจริงๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปชมหรือคุยกับชาวบ้านคนไหนก็ได้ แค่พกรอยยิ้มและคำแนะนำตัวนิดหน่อย ซึ่งชาวบ้านทุกคนล้วนแล้วแต่มีมิตรไมตรีที่ดีงาม พร้อมจะแนะนำ ให้ความรู้ และยินดีเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้อย่างเต็มใจ ซึ่งฉันรู้สึกชอบมาก และรู้สึกว่าเราได้สัมผัสประสบการณ์นั้นจริงๆ มากกว่าไปนอนโฮมสเตย์เล่นๆ แบบงงๆ โดยไม่ได้รับประสบการณ์อะไรกลับมาเลย
Photos: พลอยจันทร์ สุขคง
- ‘ม่วน’ เป็นคำอีสาน แปลว่า ไพเราะ สนุก เมื่ออยู่ในวลี ‘ม่วนซื่นโฮแซว’ จะหมายความว่า ‘สนุกสนานเบิกบานใจ’
Getting There
- มีการสายการบินเปิดให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ – กรุงเทพฯ หลักๆ 2 สายการบิน ได้แก่ Air Asia และ Nok Air
- ตั้งอยู่บนทางหลวงชนบทสายห้วยราช-กระสัง (ทล. 2477) ห่างจากที่ว่าการอำเภอห้วยราช 2 กิโลเมตร และตัวเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 12 กิโลเมตร ผู้ท่องเที่ยวสามารถเช่ารถจากสนามบิน หรือติดต่อชุมชนเพื่อส่งรถรางไปรับที่บริเวณตัวเมืองบุรีรัมย์ได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- GPS 14.936699, 103.182377
More Info
- ติดต่อท่องเที่ยวได้ที่ ผู้ใหญ่บ้านบุญทิพย์ โทร. 08 5411 4435 หรือ คุณสำเริง โทร. 08 0472 4435 และสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ที่ ททท. สำนักงานสุรินทร์ (ดูแลสุรินทร์, บุรีรัมย์) โทร. 0 4451 4447-8