วันนี้ (18 สิงหาคม) ที่ห้องประชุม อาคารรัฐสภา เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตนได้ขอปรับลดงบประมาณในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนแผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักแห่งชาติ คือรายการค่าก่อสร้างอาคารของกองทัพบก เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในงบผูกพันที่ตั้งไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2565 ที่ 1.7 พันล้านบาท เหลือ 29 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ในปัจจุบัน และนำงบที่เสนอปรับลดมารวมกับงบประมาณปี 2566
เสนอขอปรับรายการต่างๆ เช่น งบประมาณในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ในส่วนแผนงานพื้นฐานค่าบริการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อเทียบกับหน่วยรับงบประมาณทั่วไปจะเห็นว่ากรมประชาสัมพันธ์ตั้งงบประมาณไว้ถึง 293 ล้านบาท ซึ่งเห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่สูงเกินกว่าความจำเป็นจึงเสนอให้ปรับลดงบประมาณลงจำนวน 150 ล้านบาท
ขอเสนอปรับลดงบประมาณของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ในการจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งต่างประเทศ 1 คัน โดยวันนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัด อะไรที่ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อก็ให้ปรับลดลงก่อน เช่น ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดในปีนี้จะไม่มีการซื้อรถประจำตำแหน่งใหม่เลย
ขณะเดียวกันตนได้เสนอให้ปรับลดงบประมาณในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเสนอให้ปรับลดเบี้ยประชุมลง 10% เนื่องจากปัจจุบันได้มีการ Work from Home มากพอสมควร ซึ่งการเสนอให้ปรับลดเบี้ยประชุมลง 10% คิดเป็นเม็ดเงินอยู่จำนวนกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณในส่วนของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไม่มีรายละเอียดเสนอมายังคณะกรรมาธิการวิสามัญเลย ซึ่งเมื่อไม่มีรายละเอียดก็ไม่สามารถให้งบประมาณได้
ในส่วนงบประมาณของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดทำรายละเอียดของบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่อง สำรวจโครงสร้างสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์วิกฤตโควิด วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับสถานการณ์วิกฤตโควิด และมีความรุนแรงมากกว่าเดิม จึงไม่สามารถที่จะอนุมัติงบประมาณให้ใช้หลังโควิดได้
ทั้งนี้งบประมาณในส่วนราชการลับ ตนเสนอขอตัดลดงบประมาณด้วยเช่นกัน เช่น เงินราชการลับของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอตัดงบประมาณออก 10 ล้านบาท เงินราชการลับของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เสนอตัดงบประมาณออก 82 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเงินที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษ โดยที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษ ตั้งโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นหัวหน้าคณะอัตรา 13 คน คนละ 5 หมื่นบาท โดยรายการตนได้เสนอให้ตัดงบประมาณในส่วนของที่ปรึกษา ของที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษ ในอัตราคนละ 27,000 บาท โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นควรจะตัดออกทั้งรายการ เมื่อคิดเป็นเม็ดเงินจะอยู่ที่ 8.4 ล้านบาท
ในส่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ที่มีเงินราชการลับอยู่ ซึ่งต้องชี้แจงว่าเงินราชการลับไม่ได้มีทุกส่วนในระบบราชการ ตนจึงเสนอให้ตัดออก 1 ล้านบาทด้วยเช่นกัน