หุ้น บมจ.เบทาโกร หรือ BTG สุดฮอต นักลงทุนแห่จองซื้อจนล่าสุด บล.บัวหลวง ในฐานะปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกาศผ่านช่องทางสื่อสารทางการว่า ปิดรับจองหุ้น BTG ก่อนกำหนด เนื่องจากได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก
โดย บล.บัวหลวง ได้แจ้งลูกค้าอย่างเป็นทางการว่า บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณลูกค้าที่สนใจจองหุ้น IPO BTG แบบสุ่ม (Random) เข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อประโยชน์ของการเสนอขาย บริษัทขอปิดการจองซื้อหุ้นก่อนกำหนด ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2565 เวลา 17.30 น.
ทั้งนี้ ผู้จองซื้อที่ได้แจ้งความประสงค์จองซื้อหลักทรัพย์ในวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. บริษัทจะหักเงินในบัญชีซื้อ-ขายหลักทรัพย์ของท่าน เพื่อชำระค่าจองซื้อหลักทรัพย์ภายในวันดังกล่าว
และสำหรับผู้จองซื้อที่แจ้งความประสงค์จองซื้อหลักทรัพย์ภายหลังเวลา 15.00-17.30 น. ของวันที่ 10 ตุลาคม 2565 บริษัทจะหักเงินในบัญชีซื้อ-ขายหลักทรัพย์ของท่านเพื่อชำระค่าจองซื้อหลักทรัพย์ภายในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จักเบทาโกร หรือ BTG ผู้ประกอบธุรกิจอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยและสากล ที่อยู่มายาวนานกว่า 55 ปี
- เปิดรายชื่อ ‘10 บลจ. ของไทย’ ควักเงินจองซื้อหุ้น IPO ‘เบทาโกร’ หรือ BTG วงเงินรวมกันกว่า 3.63 พันล้านบาท
- ‘เบทาโกร’ ดีเดย์เข้าเทรดใน SET 2 พ.ย. นี้ ขึ้นแท่นรองแชมป์ระดมทุนสูงสุดปีนี้
ทั้งนี้ หุ้นของ บมจ.เบทาโกร หรือ BTG กำหนดวันเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ในฐานะเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีนี้ และถือเป็นหุ้นในหมวดธุรกิจเกษตรและอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
และภายหลังจากที่ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ 40 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้นักลงทุนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 10-12 และ 17 ตุลาคม 2565 โดยมีมูลค่าการเสนอขายอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการระดมทุนที่มากที่สุดในตลาดหุ้นไทยปี 2565 และมีมาร์เก็ตแคป ณ ราคาเสนอขายที่ 8 หมื่นล้านบาท
ในการเสนอขายหุ้นสามัญของ BTG ครั้งนี้มีจำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 434.80 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 21.7% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO บนสมมติฐานว่ามีการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน
และหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Option) จำนวนไม่เกิน 65.20 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.0% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายตั้งต้น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้นในช่วง 30 วันแรกหลังจากที่หุ้น BTG เข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
สำหรับการจองซื้อครั้งนี้มี บล.เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
รวมทั้งมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย
- บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินและดำเนินการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น
ทั้งนี้ มีนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเข้าลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investors ทั้งหมด 25 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,286 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกในเบื้องต้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)