นับตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นมา เกิดเหตุความไม่สงบทางการเมืองในบราซิลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนชาวบราซิลผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร รวมตัวประท้วงและบุกเข้าสู่อาคารรัฐสภาบราซิล ศาลสูงสุดบราซิลและทำเนียบประธานาธิบดี จนกลายเป็นเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
เกิดอะไรขึ้นที่บราซิล
บรรดากลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโร ผู้นำฝ่ายขวาจัด เจ้าของฉายา ‘ทรัมป์แห่งบราซิล’ ไม่พอใจผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลเมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา หลังจากอดีตผู้นำที่ตนชื่นชอบเป็นฝ่ายปราชัยในการเลือกตั้งครั้งนั้น และเปิดทางให้อดีตประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายอย่าง ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่เคยบริหารประเทศเมื่อปี 2003-2010 และเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง กลับขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2023 เป็นต้นมา
โดยประธานาธิบดีลูลาชี้ว่า การบุกรุกและโจมตีอาคารของรัฐที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย มีกลุ่มฝ่ายขวาอย่างกลุ่มฟาสซิสต์อยู่เบื้องหลัง พร้อมทั้งชี้ว่า อดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโรเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุจลาจลทางการเมืองในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า เราต่างทราบดีว่า บ่อยครั้งที่อดีตผู้นำบราซิลรายนี้ใช้ถ้อยคำกระตุ้นให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ผ่านสื่อต่างๆ
ภาพเหตุจลาจลทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นว่า เกิดรอยร้าวฝังลึกขึ้นในสังคมบราซิล มีชาวบราซิลบางส่วนพร้อมที่จะทำลายสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศยึดมั่นนับถือ ในวันที่พวกเขามองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนเสียงหรือเป็นตัวแทนของพวกเขาอีกต่อไป สถานการณ์นี้ไม่ได้แค่ชี้ให้เห็นถึงการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายในสังคมบราซิล แต่ยังสะท้อนถึงการไม่เคารพผลการเลือกตั้งในวันที่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้ ก่อนที่จะสุมไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจเผาทำลายสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยลงในท้ายที่สุด
เมื่อมีผู้ไม่เคารพกติกาและผลลัพธ์ ความโกลาหลจึงปรากฏ
ประธานาธิบดีลูลาคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลครั้งล่าสุด เหนืออดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโร ด้วยคะแนนเสียง 50.90% ต่อ 49.10% ในการเลือกตั้งรอบที่สอง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2022 โดยโบลโซนาโรและบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนของเขาต่างปฏิเสธผลการเลือกตั้งมาโดยตลอด จนเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โบลโซนาโรปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของลูลาในกรุงบราซิเลีย และตัดสินใจเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาแทน
กระแสความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนโบลโซนาโรต่างมองว่า การได้เห็นลูลากลับขึ้นมาบริหารประเทศอีกครั้งไม่ต่างจากการเพิ่มอำนาจภัยคอมมิวนิสต์บราซิล
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์และสื่อต่างประเทศหลายสำนักชี้ว่า ถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกของโบลโซนาโร ประกอบกับการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จของลูลามีส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในบราซิลมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยโบลโซนาโรได้ทวีตข้อความยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในบราซิลขณะนี้เป็นสิ่งที่ละเมิดกฎหมาย แต่ก็เกิดจากมุมมองของปัจเจกชนที่ยากจะควบคุมได้ ล่าสุด มีผู้สนับสนุนโบลโซนาโรถูกควบคุมตัวแล้วอย่างน้อย 400 ราย
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ฉายภาพสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2021 ในสหรัฐอเมริกา หลังจากบรรดากลุ่มฝ่ายขวาผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับผลแพ้ชนะในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด จนรวมตัวกันบุกเข้าไปก่อเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตขณะจลาจลอย่างน้อย 5 ราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นับเป็นหนึ่งในรอยร้าวของระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่ได้ชื่อว่าให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพอย่างสหรัฐฯ ไม่น้อย
ภาพ: Joedson Alves / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
