ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อธิบายเรื่องการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทในช่วงนี้ว่า ตามที่มีข้อสงสัยเรื่องปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์ลดลง เป็นความพยายามในการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทที่กำลังอ่อนตัวอย่างรวดเร็วในตอนนี้หรือไม่ โดยหลักการแล้วแบงก์ชาติคอยดูแลเสถียรภาพของค่าเงินอยู่แล้ว และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในหลายรูปแบบสกุลเงิน ไม่เพียงแต่ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ยังมีในรูปเงินยูโรและเงินสกุลอื่นด้วย ดังนั้นเมื่อประมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปดอลลาร์ลดลง ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาตินำไปแทรกแซงค่าเงินบาทเท่านั้น หากแต่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นได้ตามความเหมาะสม
สำหรับความกังวลเรื่องความขัดแย้งด้านนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนนั้น ดร. วิรไทกล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณเรื่องผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมไทยที่เกี่ยวข้อง หากแต่สิ่งที่ต้องคอยเฝ้าระวังคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของสินค้าส่งออกจากจีน โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าขั้นกลางในประเทศที่ส่งสินค้าต่อไปอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
และที่งาน Bloomberg ASEAN Business Summit 2018 ดร. วิรไทกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ‘Spotlight: Developing a Financial System for the Future’ โดยระบุว่า ประเด็นที่อาเซียนยังต้องให้ความสำคัญคือ ระดับของหนี้ที่ยังถือว่าสูง การเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี ความเหลื่อมล้ำ และสังคมผู้สูงอายุ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยยังถือว่าแข็งแรง ปี 2561 นี้คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP คาดว่าจะโตแตะ 4.4%
สิ่งที่แบงก์ชาติทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องคือ การผลักดันใน 3 มิติ คือการสร้างผลิตภาพให้กับภาคการเงิน (Productivity) การสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน (Immunity) และการมีส่วนร่วมต่อกันของภาคการเงิน ( Inclusivity) สิ่งที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินของคนไทยอย่างชัดเจนคือ ระบบพร้อมเพย์ที่มีผู้ใช้งานในระบบแล้วถึง 43 ล้านคน เกิดธุรกรรมต่อวันถึง 3 ล้านครั้ง มีร้านค้าที่รองรับการชำระเงินผ่าน QR Code กว่า 2 ล้านราย
ในเดือนตุลาคมนี้แบงก์ชาติจะเปิดตัวบัญชีเงินฝากสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ใช้บัตรเดบิตสำหรับกดเงินหรือรูดซื้อสินค้าได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมด้วย นอกจากนี้ยังร่วมมือกับธนาคารกลางในภูมิภาค เพื่อการร่วมมือกันสร้างความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งแต่ละประเทศจะแชร์ข้อมูลที่จำเป็นระหว่างกัน รวมทั้งความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ 14 แห่งในประเทศด้วย
