×
SCB Omnibus Fund 2024

ธปท. สั่งแบงก์จ่ายปันผลระหว่างกาลไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก พร้อมขยายมาตรการพักหนี้ SMEs ถึงสิ้นปี 64 จี้ปรับโครงสร้างเชิงรุก

11.06.2021
  • LOADING...
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ มาตรการพักหนี้ SMEs

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ทบทวนแนวนโยบายในการส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 และกระตุ้นให้สถาบันการเงินเร่งปรับโครงสร้างหนี้ โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกหนี้ในอนาคต ขณะที่ยังรักษาความมั่นคงและการบริหารความเสี่ยงที่ดีของระบบสถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

1. ขยายมาตรการชะลอการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ SMEs ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 มิถุนายนนี้ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดระลอกใหม่ เช่น กิจการทียังไม่เปิดทำการตามปกติ ทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถประเมินกระแสเงินสดเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ได้ 

 

นอกจากนี้ ยังขยายขอบเขตถึงลูกหนี้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบตามนิยามที่แต่ละสถาบันการเงินใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะครอบคลุมมากกว่าธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาทด้วย ทำให้มีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการให้ความช่วยเหลือได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับกระบวนการปฏิบัติงานด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่ต้องปรับระบบงานในการส่งผ่านความช่วยเหลือให้กับลูกหนี้ เพิ่มความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน โดยสถาบันการเงินสามารถคงการจัดชั้นหนี้เดิมได้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 และในระหว่างนี้ให้สถาบันการเงินเข้าไปดูแลลูกหนี้เพื่อเร่งหาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้โดยเร็วต่อไป

 

2. กำหนดกลไกเพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ โดยพิจารณาตามความสามารถในการชำระคืนหนี้และระยะเวลาการจ่ายคืนหนี้ ให้สอดคล้องกับประมาณการรายได้ที่ลูกหนี้จะได้รับในอนาคต โดย ธปท. จะยังคงความยืดหยุ่นของการบังคับใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรอง หากสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว เช่น การลดเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยค้างรับ การลดอัตราดอกเบี้ย การเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อจากสินเชื่อระยะสั้นเป็นสินเชื่อระยะยาว รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ 

 

3. ให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ไม่เกินอัตราจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ของแต่ละแห่งในปี 2563 และไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2564 รวมถึงให้งดซื้อหุ้นคืน และห้ามไถ่ถอนหรือซื้อคืนตราสารเงินกองทุนก่อนครบกำหนด เว้นแต่มีแผนการออกทดแทน เพื่อคงมาตรการเชิงป้องกันในการดูแลความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอน ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง 

 

โดย ธปท. ระบุว่า ปัจจุบันสถาบันการเงินไทยยังคงมีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์เลวร้ายจากการระบาดของโควิด-19 โดยธนาคารพาณิชย์ยังมี ​Total Capital Ratio อยู่ที่ 20% และ NPL Coverage Ratio ที่ 150%

 

ทั้งนี้ ธปท. จะประเมินสถานการณ์การระบาดและแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป 

 

สำหรับการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จาก 0.46% ต่อปี ที่จะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2564 ธปท. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความจำเป็นในการขยายอายุ โดยคำนึงถึงการส่งผ่านไปช่วยเหลือลูกหนี้เป็นสำคัญ

 

รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การดำเนินการตามมาตรการข้างต้นจะเป็นประโยชน์กับหลายภาคส่วน โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม ตรงจุด และทันการณ์ นอกจากนี้ ธปท. จะเร่งผลักดันมาตรการอื่นๆ ในการเพิ่มสภาพคล่อง ภายใต้มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ ที่ปรับเงื่อนไขให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น 

 

พร้อมปรับโครงสร้างหนี้เดิม เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน ผ่านมาตรการต่างๆ ได้แก่ การชะลอชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่รายได้หยุดชะงัก โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ สำหรับลูกหนี้ธุรกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะ 3 และการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้  

 

โดยประเมินว่า ระดับหนี้เสีย หรือ NPL ในปีนี้จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการช่วยเหลือข้างต้นและการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หากลูกหนี้สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือได้มากและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ระดับหนี้เสียจะไม่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising