บอริส จอห์นสัน ตั้งเป้ายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อังกฤษทั้งหมดภายใน 21 มิถุนายนนี้ ย้ำจะตัดสินใจจากข้อมูลไม่ใช่วันที่

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์) บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ตั้งเป้ายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อังกฤษที่ใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งหมดภายในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ หลังจากการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศคืบหน้าอย่างมาก โดยระบุว่า แผนงานที่วางไว้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ย้ำว่าตนจะตัดสินใจจากข้อมูลในช่วงเวลานั้นๆ ไม่ใช่ดูจากวันที่

โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้เสนอแผนคลายล็อกดาวน์ใหม่ ประกอบด้วย 4 ระยะ แต่ละระยะห่างกันราว 5 สัปดาห์ ซึ่งในแต่ละระยะจะคำนึงถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับมีหลักฐานยืนยันว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากการติดโควิด-19 ได้ รวมถึงภาพรวมของอัตราการติดเชื้อไม่รุนแรงมากจนมีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเชื้อกลายพันธ์ุต้องไม่เพิ่มความเสี่ยง หากมีการยกเลิกมาตรการต่างๆ

ระยะที่ 1: วันที่ 8 มีนาคม โรงเรียนทุกแห่งจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง อนุญาตให้พบปะหรือทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะได้ ไม่ว่าจะเป็นนั่งดื่มกาแฟ พูดคุย หรือปิกนิก โดยจำกัดไม่เกิน 2 คน ก่อนที่จะเริ่มอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันได้ไม่เกิน 6 คน หรือเป็นการพบปะกันของ 2 ครอบครัวในพื้นที่พื้นสาธารณะภายนอกที่พักอาศัย ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมเป็นต้นไป

ระยะที่ 2: วันที่ 12 เมษายน กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ จะทยอยได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดและให้บริการอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านตัดผม ห้องสมุด ยิม สระว่ายน้ำในร่ม สวนสัตว์หรือธีมปาร์ก ขยายจำนวนผู้สามารถเข้าร่วมงานศพเป็น 30 คน ขณะที่แขกรับเชิญในงานแต่งงานเพิ่มเป็น 15 คน

ระยะที่ 3: วันที่ 17 พฤษภาคม อนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันได้ไม่เกิน 30 คน หรือเป็นการพบปะกันของ 2 ครอบครัวในพื้นที่ปิดหรือพื้นที่ภายในร่ม โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ โรงแรม พื้นที่ทำการแสดง รวมถึงอีเวนต์กีฬา จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยยังคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

ระยะที่ 4: วันที่ 21 มิถุนายน มาตรการและข้อจำกัดในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมถูกยกเลิก ตั้งเป้าให้ภาคเศรษฐกิจทั้งหมดทยอยกลับมาเปิดและขับเคลื่อนอีกครั้ง

สหราชอาณาจักรติดโควิด-19 สะสมแล้วราว 4.1 ล้านราย ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 111 ล้านราย (111,700,418 ราย) รักษาหายแล้ว 87,784,683 ราย หรือคิดเป็นราว 79% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 2,473,144 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.2%

ล่าสุด สหรัฐอเมริกาเองก็ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด (28,186,824 ราย) ตามมาด้วยอินเดีย (11,005,850 ราย) บราซิล (10,195,160 ราย) สหราชอาณาจักร (4,138,233 ราย) และรัสเซีย (4,130,447 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 186 จาก 193 ประเทศทั่วโลก

จากการติดตามสถานการณ์การฉีดวัคซีนในหลายประเทศทั่วโลกโดย Our World In Data ชี้ว่า ขณะนี้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ฉีดไปแล้วกว่า 18.2 ล้านโดส รองจากสหรัฐอเมริกา (63.1 ล้านโดส) จีน (40.5 ล้านโดส) และสหภาพยุโรป (26.8 ล้านโดส)