งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกลับมาอีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนรูปแบบเป็นการจัดออนไลน์ และไฮบริดมาแล้วหลายต่อหลายรอบ ครั้งนี้งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมาพร้อมสถานที่จัดงานใหม่อย่าง สถานีกลางบางซื่อ ที่รองรับทั้งจำนวนบูธ และการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่สะดวกสบายมากขึ้น เชื่อว่าคอหนังสือหลายคนคงต่างเตรียมตัวเก็บเงิน และจดลิสต์หนังสือใหม่เพื่อไปช้อปกันอย่างจุใจ เพราะครั้งนี้เราจะได้หยิบจับหนังสือเล่มเป็นๆ ในบรรยากาศของงานแฟร์ ที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีของเมืองไทย
ในบรรดาหนังสือออกใหม่หลายร้อยหมวด หลายพันปก THE STANDARD POP คิดว่ามีอยู่หมวดหนึ่งที่อาจเป็นที่ต้องการของใครหลายคนเวลานี้ นั่นคือหนังสือหมวดที่ทำงานกับจิตใจ หรือเรียกกันแบบติดปากว่า ‘ฮีลใจ’ เพราะด้วยสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้บางครั้งหลายคนเกิดอาการใจเป๋ และตั้งหลักไม่อยู่ นอกจากจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือคนรอบข้างแล้ว การอ่านหนังสือจึงเป็นวิธีหนึ่งที่เราได้ทำงานกับตัวเอง และได้สำรวจความต้องการที่แท้จริงอีกครั้ง
THE STANDARD POP ขอคัดเลือกหนังสือใหม่จำนวน 12 เล่ม ที่ล้วนแล้วแต่ฮีลใจในมิติที่ต่างกัน บางเล่มเป็นหนังสือ Non-fiction ที่เราสามารถหยิบเอาทริกไปใช้ได้อย่างเป็นขั้นตอน บางเล่มคือความเรียงที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ และบางเล่มอาจเป็นวรรณกรรมที่แสนร้าวราน แต่เชื่อเหลือเกินว่าหลังโมงยามของความดิ่ง หรือการร้องไห้อย่างหนัก เราจะมีวันที่ดีขึ้น และตัวละครในหนังสือต่างพากันบอกเราว่า “เราไม่ได้เผชิญเรื่องโหดร้ายนี้อยู่เพียงลำพัง”
1. แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล (Notes on A Nervous Planet)
ผู้เขียน: แมตต์ เฮก
ผู้แปล: ศิริกมล ตาน้อย
สำนักพิมพ์: Bookscape
เคยไหมที่รู้สึกว่าดีไม่พอกับมาตรฐานบางอย่างที่มองไม่เห็น รู้สึกยังขาดพร่องทั้งที่เรามีสิ่งของหรือทรัพย์สินเต็มห้อง หรือรู้สึกเปล่าเปลี่ยวทั้งที่มีมนุษย์เสมือนอยู่ในห้องแชตมากมาย ประสบการณ์เหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่เราที่อาศัยอยู่ในโลกสมัยใหม่ต้องพบเจอ เช่นเดียวกับ แมตต์ เฮก ที่หลังจากประสบความสำเร็จกับการเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ซึมเศร้าและแพนิกในหนังสือ แด่ผู้แหลกสลาย ครั้งนี้ แมตต์ เฮกบอกเราว่า มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะรู้สึกพร่องในใจ เพราะโลกยุคใหมที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เรารู้สึกวิตกกังวลไปโดยปริยาย แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล จึงคล้ายกับคู่มือทางใจที่ชวนเราเป็นมิตรกับตัวเอง รับรู้ข่าวสารที่ไหลทะลักอย่างไม่สติแตก หรือแม้แต่วิธีการเป็นคนเหงาอย่างไม่เปล่าเปลี่ยว ก็ล้วนเป็นหนทางในการรักษาใจเพื่อให้เราอยู่ไหวในโลกที่น่าหวั่นวิตกแบบนี้
2. ตำรับด่วนซ่อมใจ: คู่มือเยียวยาอาการเครียด ตระหนก วิตก และสารพัดอาการทางใจ (Instant Mood Fix: Emergency Remedies to Beat Anxiety, Panic or Stress)
ผู้เขียน: โอลิเวีย รีมส์
ผู้แปล: สุญญาตา เมี้ยนละม้าย
สำนักพิมพ์: Bookscape
หลายคนคงเคยพบว่า อยู่ๆ ตัวเองก็ไม่สามารถรับมือกับอารมณ์ทางลบได้ กลายเป็นมนุษย์ที่ฝังความทึมเทาและโกรธขึ้งอยู่ในตัว หากแต่ ดร.โอลิเวีย รีมส์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีทักษะที่จะจัดการกับอารมณ์ลบได้เพียงแต่เรารู้วิธี ตำรับด่วนซ่อมใจ: คู่มือเยียวยาอาการเครียด ตระหนัก วิตก และสารพัดอาการทางใจ เล่มนี้จึงเป็นเหมือนยาฉุกเฉินที่ช่วยให้เรารับมือเฉพาะหน้า โดย ดร.โอลิเวียได้แยกอารมณ์ลบออกเป็นทั้งหมด 10 ประเภท ตั้งแต่ เหงา สิ้นหวัง กังวล ขาดแรงจูงใจ หรือการถูกปฏิเสธซ้ำๆ พร้อมด้วยข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ ก่อนนำไปสู่ทริกขนาดสั้นที่อ่านจบภายใน 2 นาที ให้ลองประยุกต์ใช้กับตัวเอง เพื่อให้การรับมือกับพายุอารมณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ เต็มไปด้วยความพร้อมและใจที่แข็งแรง
3. ความเครียดที่คุณอยากรู้จัก (The Upside of Stress)
ผู้เขียน: เคลลี แมคกอนิกัล
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น
หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกอก เหงื่อออกตามไรผม ปวดมวนเกร็งท้อง หรือชวนให้ปวดหัวตรงขมับ หลายคนอาจคุ้นเคยกับความเครียดขั้นรุนแรงจนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อความเครียด และคิดว่ามันคงมีรูปแบบเดียว แต่แท้จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีความเครียดเป็นอารมณ์ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้ามองอีกด้านความเครียดขั้นน้อยๆ คือแรงขับสำคัญที่ผลักดันให้เราออกไปทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต ทั้งการทำงานและการเข้าสังคม
ดร.เคลลี แมคกอนิกัล นักจิตวิทยาผู้ขึ้นพูด TED Talks และมีผู้ชมมากกว่า 12 ล้านครั้ง ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า วิธีที่จะอยู่ร่วมกับความเครียดให้ได้ผล คือการเป็นเพื่อนกับมัน เพราะเราไม่มีทางลบมันออกไปจากชีวิต ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองทางจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นมาเป็นหนังสือที่จะทำให้เรารู้จักความเครียดในมุมใหม่เล่มนี้
4. มูฟออนชีวิตถอนพิษพ่อแม่เผด็จการ (Toxic Parents: Overcoming Their Hurtful Legacy and Reclaiming Your Life)
ผู้เขียน: เครก บัก และ ซูซาน ฟอร์เวิร์ด
ผู้แปล: เชิญพร คงมา
สำนักพิมพ์: SandClock Books
หลายคนอาจมีคำถามต่อตัวเองว่า เราเป็นใคร? ต้องการอะไร? แล้วพบว่ามันเป็นคำตอบที่ยากมากๆ หรือบางครั้งก็รู้สึกว่าสิ่งที่ ‘ทำ’ หรือ ‘เป็น’ อยู่ ยังไม่มีความสมบูรณ์ดีพอ และเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะไปให้ถึงจุดนั้น หากสังเกตดีๆ ความคิดที่มีต่อตัวเองที่ว่า นอกจากจะเป็นเสียงที่เราบอกตัวเองแล้วอาจมีเสียงที่เป็นเหมือนเงาตามตัว ซึ่งเมื่อขุดลึกลงไปกลับพบว่านั่นคือเสียงของพ่อแม่หรือผู้ที่เลี้ยงดูเรามา
Toxic Parenting หรือ มูฟออนชีวิตถอนพิษพ่อแม่เผด็จการ อาจไม่ใช่คู่มือเลี้ยงลูกที่ว่าด้วย ‘วิธี’ อย่างตรงไปตรงมา แต่คือคำอธิบายชีวิตของเราๆ ท่านๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ที่ต่างเผชิญกับปัญหาทางใจเนื่องจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก แถมยังน้อมนำความเป็นพิษของพ่อแม่ส่งต่อให้ลูกโดยไม่รู้ตัว หนังสือเล่มนี้จึงชวนมองพ่อแม่ที่แม้ไม่ได้ร้ายกาจแบบในละคร แต่อาจเป็นผู้ที่ตั้งข้อแม้ ออกคำสั่ง หรือลงโทษ ว่าล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลกับลูกตั้งแต่เด็ก แต่ในขณะเดียวก็ชวนฉุกคิดในฐานะเจ้าของชีวิต ว่าเราเองก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีศักยภาพพอที่จะปลดปล่อยตัวเองออกจากพิษ และนำไปสู่การเป็นตัวเองอย่างแท้จริงได้
5. เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้าๆ (A Toolkit for Modern Life)
ผู้เขียน: เอ็มมา เฮ็ปเบิร์น
ผู้แปล: สุวิชา จันทร
สำนักพิมพ์: Amarin HOW-TO
เพราะโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัญหาที่เข้ามาทดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจ เอ็มมา เฮ็ปเบิร์น นักจิตวิทยาคลินิกจึงเขียนหนังสือ เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้าๆ หนังสือคู่มือฉบับเร่งด่วนที่รวบรวม 53 เครื่องมือที่จะใช้ดูแลสุขภาพจิตเราให้แข็งแรงได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นมากในการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่มีโรคทางจิตเวชใดๆ ก็ตาม ตัวอย่างเช่น แนวคิดเรื่องกระปุกแยมสุขภาพจิต ที่ชวนคิดว่าวันๆ คุณเอาเรื่องอะไรใส่ลงไปในใจบ้าง, เสาหลักสุขภาพจิตห้าต้น ที่ชวนสำรวจสิ่งสำคัญพื้นฐานที่ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี, ต้นไม้แห่งค่านิยม ชวนทบทวนตัวเองว่าแท้จริงแล้วคุณให้ความสำคัญกับสิ่งไหนในชีวิต รวมถึงการดูแลจิตใจเชิงรุกที่สามารถฝึกทำไว้ก่อนที่จะเผชิญปัญหาอย่างการสร้างผนังกันกระแทก วิธีสร้างเกราะป้องกันเมื่อมีคนขว้างหินใส่ชีวิตคุณ เพราะเรื่องจิตใจเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างที่จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น
6. แมวและฉันในวันธรรมดา
ผู้เขียน: แอ-ซยุง
ผู้แปล: วิรญา กังวานเจิดสุข
สำนักพิมพ์: Blibli
ก่อนหน้านี้เรารู้จัก แอ-ซยุง นักเขียนภาพประกอบชาวเกาหลีใต้จากหนังสือเรื่อง ที่จริงฉันเป็นคนเก็บตัวนะ หรือ Actually, I’m an Introvert ซึ่งเข้าไปอยู่ในใจชาวอินโทรเวิร์ตกันทั่วบ้านทั่วเมือง มาปีนี้ สำนักพิมพ์ Blibli ได้เลือกหนังสือของ แอ-ซยุง มาแปลเป็นภาษาไทยอีกครั้ง ซึ่งหนังสือเล่มใหม่นี้ก็ยังเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตฟรีแลนซ์ที่ทำงานสร้างสรรค์ ผนวกกับการใคร่ครวญว่าชีวิตที่ต้องการนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร แมวและฉันในวันธรรมดา จึงเป็นหนังสือที่รวม 186 ภาพประกอบที่ถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวของนักเขียนที่อาศัยอยู่ในบ้านเป็นหลัก พร้อมการรับเลี้ยงแมวตัวหนึ่ง ที่ไม่ใช่เพียงการให้อาหารและเฝ้ามองการเจริญเติบโต แต่ชวนเราตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิต การแบ่งปัน และพื้นที่ของบ้านอันเป็นความปลอดภัยทางใจ พร้อมกับบทเรียนทำให้รู้จักกันการขยับปรับตัวซึ่งกันและกัน และนั่นอาจเป็นสัจธรรมของชีวิต
7. ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่ ฉันแค่อายุ 30
ผู้เขียน: นีน่า คิม
ผู้แปล: กนกรัตน์ อรุณรัตนรุจรวี
สำนักพิมพ์: Bloom
รู้ตัวอีกทีเราก็ก้าวเข้าสู่วัยที่หลายคนหวาดหวั่นนั่นคืออายุ 30 ปี แถมเมื่อมองไปรอบตัวก็พบว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันประสบความสำเร็จกันมากมาย มีบ้าน มีรถ มีความมั่นคง จนเมื่อมองกลับมาที่ตัวเองนั่นแหละก็ได้พบว่า ‘เรา’ ยังคงเป็น ‘เรา’ ที่ไม่ได้ต่างจากอายุ 20 กว่าๆ เท่าไร ยังแก้ปัญหาไม่เก่ง ไม่มั่นคงในบางเรื่อง จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า นี่เราคือผู้ใหญ่อย่างที่เขาว่ากันจริงหรือ ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่ ฉันแค่อายุ 30 จึงเป็นหนังสือฮีลใจที่ช่วยให้เราไม่ใจร้ายและคาดคั้นตัวเองมากจนเกินไปนัก เพราะทุกคนต่างมีจังหวะชีวิตเป็นคนตัวเอง อาจจะช้ากว่าคนอื่นหน่อยแต่ก็มั่นคงในแบบที่เราเป็น และท้ายที่สุดเราอาจพบชีวิตที่หวาน ขม ระคนเท่ที่มีความสุขในแบบฉบับของตัวเองก็ได้
8. ชีวิตฉันแบกอะไรไว้มากเกินไปหรือเปล่านะ
ผู้เขียน: ริชาร์ด เจ. เลเดอร์ และ เดวิด เอ. แชพิโร
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น
หากคุณกำลังรู้สึกว่า ‘ฉันควรจะไปต่ออย่างไรดี’, ‘โตขึ้นฉันอยากเป็นคนแบบไหน’, ‘วิกฤตวัยกลางคนที่ทำให้ชีวิตเดินมาตรงถึงทางแยกแล้วไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป’ นี่อาจคือหนังสือเล่มที่เหมาะสำหรับคุณ
ชีวิตฉันแบกอะไรไว้มากเกินไปหรือเปล่านะ คือหนังสือที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเมื่อดำเนินชีวิตมาถึงจุดหนึ่ง ทุกคนต่างมีสัมภาระเป็นของตนเอง ซึ่งสัมภาระที่ว่าอาจเป็นความคิด ความเชื่อ หรือคุณค่าที่เรายึดถือในชีวิต แต่เมื่อเจอกับความเปลี่ยนแปลงหรือถึงทางแยก มายด์เซ็ตที่เราเชื่อมาตลอดชีวิตอาจไม่ตอบโจทย์หรืออาจไม่ได้นำพาไปสู่ความสุขอย่างที่เราคุ้นเคย หนังสือเล่มนี้จึงช่วยในการจัด ‘สัมภาระ’ ของตนเองเสียใหม่ ทั้งการงาน ครอบครัว และความสัมพันธ์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถรื้อทิ้งออกไปจากชีวิตได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากแต่จำเป็นที่จะต้องจัดกระบวนท่าและสร้างสมดุล เพื่อนำไปสู่ความสุขและความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน
9. นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้คุยกับตัวเองอย่างเปิดใจ
ผู้เขียน: ซอนซึงฮวัน
ผู้แปล: ตรองสิริ ทองคำใส
สำนักพิมพ์: Springbooks
ใครสักคนเคยบอกว่า มนุษย์กลัวการอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบ เพราะเมื่อถึงช่วงเวลานั้น มนุษย์จะมีเวลาเข้าไปทำความรู้จักด้านที่น่ากลัวที่สุดของตัวเอง แต่เชื่อหรือไม่ว่าความพยายามเมินเฉยนั้นไม่เคยเป็นผลสำเร็จ เพราะเมื่อไรที่เราท้อถอยกับชีวิต การกลับไปเชื่อมโยงกับตัวเองนี่แหละคือวิธีที่ได้ผลที่สุด ที่จะทำให้เรามีแรงก้าวต่อไปข้างหน้า นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้คุยกับตัวเองอย่างเปิดใจ จึงเป็นหนังสือที่ทำให้เราได้สร้างโมเมนต์เล็กๆ ในการพูดคุยกับตัวเอง ชวนตั้งคำถามและสร้างมุมมองที่เราไม่เคยคิดเกี่ยวกับความรู้สึก เวลา ความสัมพันธ์ และโลกอันแสนวุ่นวายที่เราดำรงอยู่ การกลับเข้าไปเผชิญหน้าความรู้สึกอันเปราะบางเหล่านั้นอาจนำมาสู่การยอมรับในบาดแผลและความแหว่งวิ่น ว่านั่นคือเส้นทางเยียวยาหัวใจตัวเองได้ในที่สุด
10. Dawn ชั่ววูบเข้าใจชีวิตเหมือนแสงที่ริมขอบฟ้า
ผู้เขียน: กันตพร สวนศิลป์พงศ์
สำนักพิมพ์: Fullstop
ลาออกจากงาน, ผิดหวังจากความรัก, รับมือกับภาวะวิตกกังวล, โบยตีตัวเองในสิ่งที่เกิด, พร้อมตั้งคำถามกับตำแหน่งแห่งที่ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในโลกที่ยากเย็น และแน่นอนว่ามันเกิดขึ้นกับ ฝ้าย-กันตพร สวนศิลป์พงศ์ นักเขียนและนักจิตวิทยาการปรึกษาที่ต้องรับมือกับภาวะดังกล่าว แม้ว่าจะมีทักษะด้านจิตใจอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ถาโถมเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอใช้เวลากอบกู้ตัวเองพร้อมๆ กับใช้การเยียวยาด้วยการเขียนแบบ Expressive Writing เพื่อสนทนากับตนเอง และช่วงเวลานั้นเองทำให้เกิด ‘Magic Moment’ ข้อความเหล่านั้นนำมาประกอบกับภาพสีไม้ของ ‘SUMMER’ จนกลายเป็นหนังสือ Dawn ชั่ววูบเข้าใจชีวิตเหมือนแสงที่ริมขอบฟ้า ที่จะคอยเป็นเพื่อนร่วมทางกับคนอ่าน และเชื่อเหลือเกินว่าบางภาพ บางข้อความจะช่วยให้เราหายใจได้โล่ง ลึก และมีแรงที่จะใช้ชีวิตในวันต่อไป
11. อาจไม่เหมาะหากเปราะบาง
ผู้เขียน: จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท
สำนักพิมพ์: ระหว่างบรรทัด
เพราะการเยียวยาหัวใจตัวเองอาจไม่ได้มาจากการอ่านหนังสือที่ทำให้รู้สึกดีเท่านั้น หากแต่การอ่านหนังสือที่เข้าไปสัมผัสส่วนที่เปราะบางและแตกหักง่ายของตัวเอง ก็อาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราเข้าไปรู้จักด้านอ่อนไหว และนำไปสู่การเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น อาจไม่เหมาะหากเปราะบาง คือรวมเรื่องสั้นเล่มใหม่ของ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท ที่เขียนขึ้นต่างกรรมต่างวาระ หากแต่ทุกเรื่องในหนังสือเล่มนี้ล้วนเชื่อมโยงกันด้วยตัวละครที่แตกต่างจากบรรทัดฐานของสังคม สร้างความรู้สึกเป็นอื่นเมื่ออ่าน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้รับการปลอบประโลมบางอย่างว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้นไม่ผิด เพราะชีวิตไม่ได้มีรูปแบบเดียวที่ถูกต้อง หลายเรื่องอาจทำให้รู้สึกเปลี่ยวเหงา แตกหัก ปวดร้าว แต่ชีวิตจริงก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ
12. Ashtray แล้วความรักก็ถูกเผาเป็นเถ้าบุหรี่
ผู้เขียน: ชลกร เจ
สำนักพิมพ์: P.S. Publishing
“ความรักของเราลุกเร็วเหมือนบุหรี่ ลามเลียเผาไหม้ เพียงครู่เดียวก็ถึงก้นกรอง แต่สำหรับผมแล้วครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเรื่องจริง ถ้าหลักฐานการสูบบุหรี่ของพี่คือขี้เถ้าในที่เขี่ย หลักฐานความสัมพันธ์ของเราก็คือความทรงจำในสมองและหัวใจของผม ที่สุดท้ายถูกจารึกเป็นตัวอักษร ผมเขียน…เพราะการเคยมีอยู่ของพี่”
นิยายขนาดสั้นเล่มใหม่จากสำนักพิมพ์ที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญเรื่องความสัมพันธ์อย่าง P.S. Publishing ครั้งนี้ P.S. Publishing หยิบผลงานของนักเขียนใหม่อย่าง ชลกร เจ ที่พูดถึงความสัมพันธ์ของ ‘ผม’ กับ ‘พี่’ ที่เข้มข้นด้วยอารมณ์ฝันลมๆ แล้งๆ หากแต่เข้าไปทำงานกับจิตใจอย่างรุนแรง เพราะในบางช่วงชีวิตเราทุกคนก็อาจเป็นผมและพี่ของใครสักคน
- งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2565 ณ สถานีกลางบางซื่อ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. (วันที่ 26 มีนาคม เปิดให้เข้างานเวลา 17.00 น.)
- สามารถเดินทางไปงานด้วยรถไฟฟ้า MRT โดยมีชัตเทิลบัสคอยบริการ หรือถ้าใครสะดวกรถไฟฟ้า BTS สามารถลงสถานีอนุสาวรีย์ชัย, หมอชิต และสถานีห้าแยกลาดพร้าว ก็มีบริการรถชัตเทิลบัสเพื่อเดินทางมาถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเช่นกัน
- สำหรับใครที่นำรถไปสามารถจอดรถได้ที่ชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ ส่วนรถจักรยานยนต์สามารถจอดได้ที่หน้าอาคารประตู 4 ฝั่งทิศตะวันออก
- ในงานมีศูนย์อาหารและบริการส่งหนังสือถึงบ้านโดยไปรษณีย์ไทยเหมือนเดิม