×

BNK48 & CGM48 บันทึกของ 5 สาว กับสิ่งที่ไม่เคยพูดบนเวที

02.07.2025
  • LOADING...
bnk48-colorcon-diary

“ถ้าให้เขียนบันทึกหน้าสุดท้าย.. นั่นสิ เราจะเขียนว่าอะไรดีนะ?”

 

บางทีคำถามที่เหมือนจะเล็ก อาจพาเราย้อนกลับไปไกลกว่าที่คิด และในบางวัน มันก็อาจกลายเป็นโอกาสให้เราพูดในสิ่งที่ไม่เคยพูดมาก่อนเลย แม้แต่กับตัวเอง

 

บทสนทนาในครั้งนี้อาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ THE STANDARD POP ได้ชวน 5 สมาชิกจาก BNK48 และ CGM48 มานั่งคุยภายใต้คอนเซ็ปต์ที่หยิบยกแก่นอารมณ์จากเนื้อเพลง Colorcon Wink ซิงเกิลลำดับที่ 19 ของ BNK48 เพื่อเปิดพื้นที่ให้พวกเธอได้พูดถึงตัวเอง ในแบบที่ไม่ค่อยได้เล่าบนเวที

 

คำถามทุกข้อถูกออกแบบมาเพื่อเปิดพื้นที่ให้พวกเธอได้คุยกับหัวใจตัวเอง ตั้งแต่ความกดดันที่ต้องเก็บไว้ใต้รอยยิ้ม ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละนิดโดยไม่รู้ตัว การเติบโต ความฝันที่ไม่กล้าบอกใคร และความรู้สึกจริงๆ ที่มีต่อแฟนคลับ

 

และทั้งหมดในบทความนี้คือ ‘สมุดบันทึก’ อีกเล่มหนึ่งที่ แพนเค้ก, คนิ้ง, นีนี่, สิตา และเกรซ อยากเปิดอ่านไปพร้อมกับทุกคน 

 

จุดเริ่มต้นของ Colorcon Wink

 

Pancake: หนูได้ดูคลิป dance practice ของรุ่นพี่ AKB48 แล้วรู้สึกชอบทันทีค่ะ เห็นแล้วตกหลุมรักเลย ถ้าให้เลือกเป็นเซ็นเตอร์เพลงไหน หนูก็เลือกเพลงนี้แน่นอน แล้วก็ชอบที่ท่าเต้นมันสวย แล้วก็รู้สึกว่าเข้ากับตัวเอง เพราะเป็นคนชอบท่าที่ใช้มือกรีดกราย แล้วชุดก็ฟรุ้งฟริ้งน่ารัก เห็นแล้วก็ยิ่งอยากเต้นค่ะ

 

ท่าเต้นโซโล่ที่เราเห็นใน MV คือท่าออริจินัลหรือคิดขึ้นใหม่?

 

Pancake: ใน MV ออริจินัลจะเป็นพี่ยูกิรินที่เต้นโซโล่ค่ะ แต่ของหนูคือคิดขึ้นใหม่ทั้งหมด ได้คุยกับผู้กำกับว่า ถ้าทำท่าออกมาไม่ถึง เขาจะไม่เอาไปใช้นะ มันเลยเป็นแรงกดดันให้หนูต้องทำการบ้านอย่างหนัก โชคดีที่ได้ครูนนมาช่วยคิดท่าเต้นด้วย โดยบรีฟคือให้สื่อถึงความรู้สึกเหมือนอยากปลดปล่อยอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังมีอะไรค้างคาอยู่ หนูเลยเต้นตามฟีล ตามจังหวะเพลง และใช้เวลากับการหาอารมณ์ตรงนั้นพอสมควรเลย

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

แล้วเมมเบอร์คนอื่นๆ ประทับใจอะไรเป็นพิเศษในซิงเกิลนี้บ้าง?

 

Grace: ชอบชุดค่ะ เพราะโดยปกติซิงเกิลอื่นจะไม่ได้ถามเมมเบอร์ตรงๆ ว่าอยากใส่แบบไหน แต่ครั้งนี้แพนเค้กถาม แล้วก็ได้ชุดเปิดไหล่ที่ดูหวานๆ แต่แอบเปรี้ยวหน่อย อีกอย่างคือได้ไปถ่าย MV ที่ญี่ปุ่น แสงสวยมาก และ MV ก็มีสตอรี่ชัดเจน ซึ่งต่างจากเพลงอื่นที่อาจเน้นเต้นหรือวิชวลอย่างเดียว

 

Nenie: หนูชอบที่ได้ถ่ายที่ญี่ปุ่นค่ะ เหมือนได้สัมผัสวัฒนธรรม ได้ใส่ชุดนักเรียนญี่ปุ่นจริงๆ แล้วก็ได้ถ่ายในห้องเรียนที่สะอาดมาก รู้สึกประทับใจ อยากลองเรียนที่นั่นเลย อีกอย่างคือ MV นี้มีหนังสั้นด้วย มีแอคติ้งจริงจัง ซึ่งเป็นครั้งแรกของหนู มันท้าทายมาก และเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีมาก

 

Kaning: สิ่งที่หนูชอบคือทุกคนได้มีส่วนร่วมในเพลงนี้ค่ะ เพราะแพนเค้กเป็นคนเลือกเพลง และเมมเบอร์ทุกคนก็สามารถเสนอไอเดียในแต่ละฉากได้ บางจุดที่เรารู้สึกว่าควรปรับก็สามารถบอกทีมงานได้เลย แล้วทีมงานก็รับฟัง ผลลัพธ์ที่ออกมามันเลยดูกลมกลืนและเต็มไปด้วยความตั้งใจจริงของทุกคน

Sita: ตั้งแต่รู้ว่าได้ติดเซ็มบัตสึจากการโหวตของแฟนๆ หนูก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ ยิ่งเป็นเพลงสไตล์ไอดอลที่หนูชอบอยู่แล้ว ท่าเต้นมันจะดูสวยๆ หน่อย ซึ่งหนูเองก็แฮปปี้มากค่ะ แม้มันจะยากมากจนตอนแกะท่ารู้สึกทรมาน แต่พอเต้นเป็นแล้วมันสนุกมาก หนูว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ท่ายากที่สุดตั้งแต่หนูอยู่ที่นี่มาเลย

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

จากท่อนในเพลงที่ว่า “Colorcon Magic นั้นทำให้เป็นคนใหม่ / ให้ฉันเปลี่ยนไปและไม่เป็นเหมือนเดิมๆ”

 

มีช่วงเวลาไหนในเส้นทาง BNK48 ที่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปจริงๆ อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนไหม?

 

Pancake: สำหรับหนูคิดว่า การได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนเป็นอีกคน แต่คือการที่หนูมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะแสดงออก และกล้าเสนอไอเดียของตัวเองมากขึ้น

 

ตอนเป็นเซ็นเตอร์ Iiwake Maybe หนูยังเด็กและไม่ค่อยกล้าออกความคิดเห็น แต่กับซิงเกิลนี้ หนูรู้สึกว่าโตขึ้นจริงๆ ทั้งในแง่ความคิดและความมั่นใจ

 

Grace: เข้ามาอยู่ในวง 5 ปี หนูรู้สึกว่าโตขึ้นมากค่ะ ก่อนหน้านี้เป็นเด็กที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบคำถามในห้องเรียน และเขินมากเวลาต้องพูดหน้ากล้อง

 

แต่พอได้ทำงานหลายอย่างในวง เช่น ไปโปรโมตเพลง ถ่าย MV หรือได้คุยกับเพื่อนๆ มันทำให้เราต้องพูด ต้องสื่อสาร และเรียนรู้ที่จะกล้าขึ้น ความคิดก็โตขึ้น พร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วย

 

Nenie: หนูก็เป็นคนที่ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเหมือนกันค่ะ ตอนอยู่วงใหม่ๆ จะไม่ค่อยกล้าทำอะไร แต่พออยู่ไปนานๆ ก็รู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจ และกล้าทำอะไรหลายอย่าง

 

ทุกเพลงที่ได้ร่วม มันเหมือนบังคับให้เราต้องเปลี่ยนคาแรกเตอร์ให้เข้ากับมู้ดเพลง ก็เลยได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด อย่างเช่นอินเนอร์ของเพลง ความรู้สึกที่ต้องสื่อออกมา มันช่วยเพิ่มสกิลให้ตัวเราไปเรื่อยๆ เลย

 

Kaning: ตอนแรกหนูยังไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองเปลี่ยน แต่เพื่อนที่โรงเรียนทักก่อนว่าเราดูโตขึ้น พอมานั่งคิดก็เห็นด้วยค่ะ เพราะแค่เข้าวงมาไม่นาน ความคิดหลายอย่างก็เปลี่ยนไปเยอะ

 

อยู่ตรงนี้เราได้ทำหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องธุรกิจ การจัดการ การวางแผน มันทำให้รู้สึกว่าเราแข็งแกร่งขึ้น และถ้าในอนาคตไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ก็ยังเชื่อว่าเราจะรับมือกับหลายอย่างได้ดี

 

ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่ชัดมากคือคอมเมนต์ในโซเชียลค่ะ ตอนแรกหนูรู้เลยว่าไม่ไหว เวลาเจอคอมเมนต์แย่ๆ นิดเดียวก็เศร้าแล้ว แต่พอเวลาผ่านไป ก็เริ่มแยกแยะได้ว่าอะไรคือคำแนะนำที่ควรฟัง กับอะไรที่เป็นแค่คำพูดลอยๆ ตอนนี้หนูกล้าคัดค้านและกล้าแสดงออกมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ตัวเองในแบบเดิมเมื่อเทียบกับตอนเข้าวงแล้วค่ะ

 

Sita: สำหรับสิตา จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นเรื่อง empathy ค่ะ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว สิตาเป็นคนใช้เหตุผลนำชีวิตมากๆ เป็นเด็กที่มีระเบียบชัดเจน

 

แต่พอเข้ามาอยู่ที่นี่ ได้เจอทั้งแฟนคลับ เพื่อนร่วมงาน และคนหลากหลายประเภท มันทำให้รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเรา และเราต้องเข้าใจคนอื่นด้วย

 

ทุกวันนี้ เวลามีใครทำให้ไม่สบายใจ เราจะไม่รีบด่วนสรุปแล้วว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น แต่จะคิดต่อว่า..หรือเขาอาจเจออะไรแย่ๆ มาก่อนก็ได้ นั่นคือสิ่งที่สิตาไม่เคยคิดมาก่อน จนได้มาอยู่ตรงนี้

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

จากท่อน “ก่อนที่นาฬิกาทรายจะไหล…ไหลจนหมด ก่อนที่เวลาจะหมดจากนี้”

 

มีอะไรที่ยังอยากทำ หรือต้องการบอกใครบางคน ไม่ว่าจะเป็นคนในวงหรือแฟนๆ ก่อนที่เวลานั้นจะหมดไปไหม?

 

Sita: อยากมีเพลงแกรดของตัวเองค่ะ เพลงที่เลือกไว้คือ Yuuhi wo mite iru ka? เพราะมันมีความหมายกับหนูมากจริงๆ

 

อีกอย่างที่อยากทำคืออยากเป็นเซ็นเตอร์เพลง Sentimental Train ด้วยค่ะ แต่คิดว่าไทม์มิ่งมันผ่านไปแล้ว คงย้อนกลับไปไม่ได้แล้วจริงๆ

 

Kaning: หนูรู้สึกว่าตัวเองพอใจกับทุกอย่างที่ได้ทำมาตลอดค่ะ ถ้าถามว่ายังเหลืออะไรอีกไหม ก็บอกตรงๆ ว่าไม่มีอะไรที่ติดค้างเลย ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่า ‘ปล่อยวาง’ เพราะรู้สึกว่าทำเต็มที่แล้วกับทุกโอกาสที่ได้รับ ถึงวันหนึ่งจะต้องออกไป หนูก็จะไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย

 

Nenie: หนูก็ไม่มีอะไรที่ติดค้างนะคะ เพราะรู้สึกว่าได้ทำอะไรมาเยอะมากแล้ว แต่ถ้าให้พูดถึงความรู้สึกที่ยัง “แอบเสียดาย” ก็คงเป็นการไม่ได้ลองเป็นเซ็นเตอร์เดี่ยวสักครั้ง เพราะส่วนตัวอยากได้เพลงที่โตจริงๆ แบบเซ็กซี่ ฉีกจากสไตล์น่ารักๆ ของ CGM48 เพราะหนูอยากลองอะไรใหม่ๆ มันไม่ได้ถึงกับคาใจ แต่ถ้าได้ทำก็คงจะดีมากค่ะ

 

Grace: อยากจัดงานแฟนมีต เพราะ BNK48 รุ่น 3 ของเราทำคอนเสิร์ตมาเยอะแล้ว แฟนคลับก็น่าจะได้เห็นบนเวทีบ่อย หนูเลยอยากมีเวลาพิเศษกับแฟนๆ มากขึ้น

 

อยากให้เป็นงานที่ได้ใกล้ชิด ได้แกล้งแฟนคลับบ้าง สนุกๆ และได้บอกขอบคุณแบบจริงใจ ว่าขอบคุณที่อยู่กับพวกเรามาตั้งแต่ยังเป็นกระต่ายตัวน้อย จนวันนี้บางตัวได้เป็นเซ็นเตอร์ และได้ไปร่วมทำเพลงที่ญี่ปุ่นแล้ว หนูว่าถ้าได้ทำแบบนั้นอีกสักครั้งก็คงดีมากค่ะ

Pancake: หนูอยากมีเพลงเดี่ยวสักครั้งในชีวิตเมมเบอร์ค่ะ เพลงที่อยากได้คือ Yume de kiss me หนูชอบเพลงนี้มากจริงๆ ถ้ามีโอกาส หนูอยากทำให้ดีที่สุด ก็ถือโอกาสนี้อยากบอกกับผู้ใหญ่ (ในวง) ว่า “ถ้าเลือกหนู หนูจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ”

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

ถ้าให้พูดความในใจถึงเพื่อนร่วมวงสนทนาวันนี้ อยากบอกอะไรบ้าง?

(พาร์ทนี้เป็นกิจกรรมที่น้องๆ ได้ส่วนจับสลากชื่อคนที่พูดถึงกันเอง)

 

Pancake ถึง Nenie: เราสนิทกันมานานแล้วเนอะ ถึงอายุจะต่างกัน แต่เวลาคุยด้วยกันหนูรู้สึกว่าเข้ากันดี เหมือนอายุเท่ากันเลย

 

หนูประทับใจที่พี่นีนี่ชอบตามใจน้อง ดีใจมากที่พี่ชอบมาปรึกษาเรื่องถ่ายรูป หรือถามหนูว่า “อันนี้เทสมั้ย?” มันรู้สึกว่าสนุกดีที่ได้แชร์กัน แล้วพี่ก็เป็นคนเฮฮา ดูไม่มีเรื่องเครียดอยู่เลย ทำให้ชีวิตมันสดใสขึ้นเยอะเลยค่ะ (หัวเราะ) หนูอยากให้เราสนิทกันไปแบบนี้เรื่อยๆ

 

Nenie ถึง Pancake: แพนเค้กเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุกดีค่ะ ด้วยความที่เป็นเด็กเจนใหม่ หนูก็เลยชอบถามน้องว่า “อันนี้เทสมั้ย?” บางทีเราลงรูปแล้วเทสมันดูเจนเก่าไปหน่อย ก็มาขอคำแนะนำจากน้อง

 

แล้วหนูก็ชอบให้น้องแซว (หัวเราะ) มันเหมือนคอมพลีทชีวิตอะ เวลากวนแล้วเขากวนกลับมา รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วไม่เหงาเลย แพนเค้กก็เป็นคนขี้เหงา ชอบชวนไปกินข้าว แล้วหนูก็ไม่ชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน เวลาเขาทักมาชวน หนูจะดีใจมาก เพราะรู้สึกว่ามีเพื่อนแล้ว

 

หนูมีเรื่องอยากบอกอย่างหนึ่ง บางทีหนูแอบน้อยใจน้องนะ แต่แพนเค้กเป็นคนที่ง้อเก่งมาก ปกติหนูเป็นคนขี้น้อยใจ แต่แพนเค้กเป็นคนแรกที่ง้อหนูจนหายภายใน 3 นาทีเลยค่ะ

 

Grace ถึง Sita: หนูไม่ค่อยได้ทำงานกับ CGM48 เท่าไหร่ แต่เจอสิตาบ่อยมาก ทั้งตอน Kiss Me! และเพลงนี้

 

หนูรู้สึกว่าสิตาเป็นคนที่มีแพชชั่นความเป็นไอดอลสูงมาก แบบเต็มเปี่ยมเลย ซึ่งในชีวิตหนูไม่ค่อยเจอคนแบบนี้เท่าไหร่ แล้วก็เป็นคนที่สวยมากจริงๆ ถ่ายรูปยังไงก็รอดทุกมุม

 

ตอนแรกหนูคิดว่าสิตาจะน่ากลัว เพราะดูนิ่งๆ เฟียสๆ แต่พอได้คุยจริงๆ กลับเป็นคนอ่อนโยนมาก ซอฟต์กว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ

 

Sita ถึง Kaning: ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกจนถึงตอนนี้ คนิ้งยังเหมือนเดิมเลย ดูเป็นเด็กน้อยอยู่ แต่ก็โตขึ้นมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จัดการอะไรได้เอง ลดความชิลล์ลงตามอายุ..แต่ก็ยังติดชิลล์อยู่นิดนึง (หัวเราะ)

 

ถึงจะอยู่กันคนละกลุ่ม แต่เราทำงานด้วยกันบ่อย และคุยกันบ่อยมาก ถ้าให้จัดอันดับเมมเบอร์ CGM48 ที่คุยด้วยบ่อยที่สุด คนิ้งต้องติดใน 10 อันดับแน่นอน หนูมีความสุขมากเวลาได้คุยกับน้อง และอยากให้น้องได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากใช้…รักนะ

 

Kaning ถึง Grace: หนูอยากบอกว่าครั้งแรกที่เห็นพี่เกรซ หน้าพี่เหมือนพี่สาวหนูตอนเด็กๆ เลยค่ะ

 

พอได้ทำงานด้วยกัน หนูรู้สึกว่าพี่เกรซมีความ “แกรม” ที่หนูเข้าถึงไม่ค่อยได้ พี่จะชอบสไตล์แบบเกาหลีๆ ตัวมัม ตัวแม่ ดูมีความมั่นใจ มี Self-Esteem สูงมาก แล้วก็กล้าแสดงออกในระดับที่หนูชื่นชมเลย คุยสนุกมาก หนูชอบสไตล์การพูดของพี่ด้วยค่ะ

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

ช่วง 1 คำถาม 1 คนตอบ

(พาร์ทนี้เราให้แต่ละคนได้สุ่มคำถาม ที่แต่ละคนเป็นคนตอบคำถามนั้น)

 

ในวันที่รู้สึกว่าตัวเองอาจไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่แฟนๆ หรือตัวเองคาดหวัง มีอะไรที่เธอใช้เตือนตัวเองว่า “ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง”? แล้วมันช่วยให้ก้าวต่อไปได้ยังไง?

 

Kaning: แทบจะจำไม่ได้แล้วค่ะว่ารู้สึกแบบนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่หนูคิดว่าคำตอบคือ “เวลา” ค่ะ

 

มันไม่ใช่แค่ว่าจะพูดกับตัวเองซ้ำๆ แล้วความรู้สึกแย่ๆ จะหายไปได้เลย เพราะสุดท้ายความรู้สึกมันก็ยังอยู่ แต่เวลาจะช่วยขัดเกลาเราจริงๆ

 

เมื่อเรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” มันจะติดอยู่ในหัวแบบวนซ้ำ แต่พอปล่อยให้เวลาผ่านไป…อาทิตย์นึง เดือนนึง หรือเป็นปี กลับมาคิดอีกที เราอาจจะมองเห็นว่าตอนนั้นมันก็แค่นั้น ทุกคนก็ผิดพลาดกันได้เหมือนกัน

 

เคยรู้สึกไหมว่าตัวเองกำลัง “หลงทาง” สูญเสียตัวตนไปท่ามกลางบทบาทของการเป็นไอดอล? แล้วกลับมาเป็นตัวเองได้ยังไง?

 

Grace: หนูไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ ตั้งแต่เข้าวงมาก็เป็นตัวเองมาตลอด ตอนแรกอาจจะมีช่วงปรับตัวอยู่บ้าง ตอนนั้นคิดว่าเป็น BNK48 ต้องแบ๊ว ต้องน่ารัก เลยพยายามลงแคปชั่น IG ให้น่ารักๆ ถ่ายรูปแบบคิขุอาโนเนะ แต่นั่นก็เป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง

 

พออยู่ไปก็เริ่มเข้าใจว่าไม่ต้องฝืนอะไรเลย หนูเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว และวงนี้ก็ทำให้หนู “หาตัวเองเจอ” มากขึ้นด้วยค่ะ

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

มีความฝันส่วนตัวอะไรที่เคยเก็บไว้เงียบๆ เพราะกลัวว่าจะดู “ใหญ่เกินไป” หรือเป็นไปไม่ได้บ้างไหม?

 

Nenie: หนูอยากเป็นนักบินอวกาศค่ะ อยากเข้าไปทำงานที่ NASA จริงๆ หนูชอบดูหนังไซไฟมาก ชอบแนว science, physics แล้วก็ชอบดู Star Wars

 

ตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากไปอยู่ในอวกาศ แต่มันก็เป็นความคิดที่ไม่กล้าทำจริงๆ เพราะรู้สึกว่าไกลตัวมาก แต่ทุกครั้งที่ดูหนังพวกนั้น หนูก็จะฝันถึงเรื่องนี้อีก คิดเรื่องนี้ตอนจะนอน อยากไปสำรวจจักรวาล อยากเหยียบดวงจันทร์ อยากเซลฟี่กับธงที่เป็นรูปตัวเอง แล้วก็ทำมือกดไลก์ (หัวเราะ)

 

ถ้าให้เลือกหนึ่งบทเรียนจากชีวิตในวง ที่เปลี่ยนวิธีที่มองตัวเองหรือโลกใบนี้ เราจะเลือกบทเรียนไหน?

 

Sita: มันเป็นโมเมนต์ใหญ่ในชีวิตเลยค่ะ คือตอนที่หนูรับแมวมาเลี้ยง

 

ก่อนหน้านั้นหนูเป็นคนที่ใช้เหตุผลนำทางชีวิตมากๆ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล แต่กับแมว…มันเปลี่ยนทุกอย่าง หนูสามารถให้มันได้ทุกอย่างเลย โดยไม่ต้องมีอะไรตอบแทน แค่ได้อยู่กับมัน หนูก็พร้อมจะให้ทั้งชีวิต

 

มันทำให้หนูรู้จัก “รักแบบไม่มีเงื่อนไข” เป็นครั้งแรก มัน Magic มากจริงๆ และหนูรู้สึกยินดีกับตัวเองมากๆ ที่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้

 

ถ้าได้มีโอกาสนั่งคุยกับตัวเองในวัยที่ยังไม่รู้จักวงการไอดอล เธอจะบอกอะไรกับตัวเองในตอนนั้น..เกี่ยวกับสิ่งที่รออยู่ในอนาคต?

 

Pancake: เอาจริงๆ หนูไม่อยากบอกอะไรเลยค่ะ กลัวว่าเขาจะสูญเสียความเป็นเด็ก เพราะคิดว่าเราในวัยเด็กน่าจะอยากเจอแค่ความสุข ความสนุก อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กแบบเต็มที่ เรียนรู้โลกด้วยตัวเอง ไม่ใช่จากคำสอนของใคร

 

หนูอยากให้เขาค่อยๆ เจอทั้งสุขและทุกข์ รู้จักรสชาติของชีวิตไปตามจังหวะ ไม่ต้องรู้ล่วงหน้าทุกอย่าง

 

ถ้าได้เจอ…ก็คงบอกแค่ “รักนะคะน้องแพนเค้ก อย่าไว้ใจใครมาก และขอให้มีสติอยู่กับตัวเองเสมอ” แค่นั้นจริงๆ

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

ในฐานะไอดอลที่ต้องแสดงความสดใสตลอดเวลา เคยมีบ้างไหม…ที่รู้สึกว่าแอบซ่อนความเปราะบางไว้เบื้องลึกในใจ แต่ก็อยากให้คนอื่นเข้าใจมุมนั้นของเธอ?

 

Grace: หนูก็เคยรู้สึกแบบนั้นค่ะ โดยเฉพาะตอนเข้าวงแรกๆ แล้วไม่ติดเพลงเดบิวต์ของรุ่น และไม่ได้ขึ้นสเตจกับเทรนนีเลย

 

ตอนนั้นหนูคิดว่า “หรือเราไม่เหมาะกับทางนี้เลย?” แล้วก็ยังไม่ชินกับการเป็นไอดอลด้วย มันเลยไม่ได้แสดงออกให้ใครรู้ว่าเสียใจ

 

ไป Road Show ก็มีช่วงที่รู้สึกว่าไม่มีคนเรียกชื่อ หรือไม่มีคนถ่ายรูปเราเลย ไม่รู้ว่าเรา “ยังไม่ดีพอ” หรือ “ไม่สวยพอ” หรือ “เต้นไม่เริ่ดพอ” แต่ตอนนี้ หนูปรับตัวได้แล้วค่ะ ชินกับมันมากขึ้น

 

Kaning: ความรู้สึกแบบนั้นน่าจะเกิดขึ้นตอนหนูเพิ่งเข้าวงใหม่ๆ เลยค่ะ หนูเป็นเด็กที่ไม่เคยเรียนร้อง ไม่เคยเรียนเต้นมาก่อน ชีวิตตอนนั้นก็แค่เรียนหนังสือไปวันๆ แล้ววันหนึ่งชีวิตมันก็เซอร์ไพรส์…เราได้มาอยู่ในวงนี้

 

ซิงเกิลแรกที่ติดก็มากับความกดดัน เพราะระบบมันไม่ได้เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้เท่ากัน แล้วเราก็ต้องเจอการฝึกหนักมาก ตอนนั้นมันทรมานมาก ถึงขั้นร้องไห้เลย แล้วก็ป่วยด้วย แต่ที่ผ่านมันมาได้ก็เพราะเพื่อนๆ เลยค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ทุกคนให้กำลังใจกันและกันว่า “เดี๋ยวเราก็ทำได้ เดี๋ยวก็ผ่านไป”

 

Nenie: สำหรับหนู มันคือความคาดหวังที่มีแล้วไม่ได้อย่างที่หวังค่ะ

 

เวลาที่ไม่ติดเพลง ไม่ได้งานที่อยากได้ มันจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “เรายังไม่ดีพอเหรอ?” หรือ “เราทำผิดพลาดตรงไหน?” เคยร้องไห้หนักมากตอนที่ไม่ติดเซ็มเพลงหนึ่ง เพราะเสียใจจริงๆ

 

แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมูฟออน แล้วใช้มันเป็นแรงผลักให้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่า…เราก็เหมาะสมเหมือนกันนะ

 

Sita: เรื่องนี้มันเป็นธรรมชาติของการเป็นไอดอลเลยค่ะ ที่เราต้อง “สวิตช์” อารมณ์ทันทีที่เจอหน้าแฟนคลับ ไม่ว่าเราจะเหนื่อย จะเครียด จะรู้สึกยังไง…พอขึ้นเวที เราก็ต้องยิ้ม ต้องสดใสให้ได้เสมอ

 

แต่หนูคิดว่า มันคือหนึ่งใน “สกิล” ที่ได้เรียนรู้จากที่นี่ และจะติดตัวไปใช้ในโลกใบใหญ่ได้แน่นอน มันคือทักษะของความเป็นมืออาชีพ ที่แม้จะเหนื่อยแค่ไหน เราก็ต้องยังวางตัวได้ดีต่อหน้าคนอื่นเสมอ

 

Pancake: มีครั้งหนึ่งที่หนูรู้สึกเฟลมากๆ ตอนออก Road Show แล้วรู้สึกว่าไม่มีใครมองหนูเลย หนูกำลังเต้นอยู่บนเวที แล้วรู้สึกว่าไม่มีใครมอง ไม่มีใครสนใจเลย มันดาวน์มากจริงๆ จนไม่มีแรงจะเต้นต่อ

 

หลังจากนั้น หนูก็เข้าไปปรึกษากับพี่ฮูพ ทำความเข้าใจอยู่กับตัวเองสักพัก แล้วก็ค่อยๆ ฮึบกลับขึ้นมาใหม่

 

ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น สงสัยน่าจะอยู่ในช่วงที่จิตใจอ่อนไหว แต่พอเวลาผ่านไป มองย้อนกลับมาจริงๆ แล้ว “ก็มีคนมองเราอยู่นะ” แค่ตอนนั้นเราอาจไม่เห็นเอง ส่วนตอนนี้ดีใจมากที่มีคนมาดูพวกเราเยอะขึ้นมากค่ะ

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

ถ้า BNK48 & CGM48 เป็นเหมือนสมุดบันทึกที่เก็บเรื่องราวของเธอไว้ เธออยากให้ “หน้าสุดท้าย” ของสมุดเล่มนี้ เขียนไว้ว่าอะไร?

 

Sita: หนูชอบ ไททัน มากค่ะ แล้วตอนสุดท้ายของเรื่องนั้นมันชื่อตอนว่า ถึงเธอ…ในสองพันปีที่แล้ว ถ้าเป็นของหนู ก็อาจจะใช้ชื่อว่า “ถึงเธอ…ในหกปีที่แล้ว” ก็ได้

 

หรืออีกแบบก็อาจจะจบด้วยประโยคง่ายๆ ว่า “นี่คือเรื่องราวของไอดอลคนหนึ่ง” บนโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนอีกมากมายที่ต่างมีเรื่องราวของตัวเอง เพราะฉะนั้น…ใช้วิจารณญาณในการรับชม

 

Kaning: ถ้าเป็นหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก หนูจะวาดรูปเมมเบอร์ CGM48 รุ่น 1 ทุกคนเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่ารูปภาพมันสื่ออะไรได้มากกว่าคำพูด

 

แต่จริงๆ คือหนูเขียนไม่เก่ง เขียนผิดเขียนถูกอยู่บ่อยๆ (หัวเราะ) แต่หนูอินกับภาพมากกว่า เหมือนกำแพงวาดรูปที่หอ CGM48 ทุกครั้งที่เดินผ่าน เห็นภาพพวกนั้นแล้ว ความทรงจำมันจะผุดขึ้นมาอัตโนมัติ แม้ว่าโดยปกติหนูจะจำอะไรไม่ค่อยได้ก็ตาม

 

Nenie: หนูจะเขียนว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณที่เข้ามาในช่วงชีวิตของฉันตลอด 6 ปีที่ผ่านมา” ขอบคุณที่เป็นความทรงจำดีๆ ในช่วงเวลาที่เป็นไอดอล

 

ถึงจะไม่ได้อยู่บนเส้นทางนี้แล้ว แต่หนูก็ไม่ได้หายไปไหนนะ ยังอยู่ตรงนี้เสมอ

และอยากให้ทุกคนติดตามในบทบาทอื่นๆ ต่อไป

 

ทุกครั้งที่ย้อนดูรูป หรือนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็อยากให้รู้ว่า…หนูก็ยังเป็น “นีนี่” คนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นใครที่ไหน

 

Grace: ของหนู ถ้าเป็นหน้าสุดท้าย จะเลือกแปะรูปโพลารอยด์กับเพื่อนๆ หลายๆ ภาพ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงจนถึงวันนี้ แล้วเขียนไว้แค่ว่า “จบแล้วนะ…ชีวิตไอดอล”

 

หนูอินกับภาพมากกว่าคำเขียน เพราะเป็นคนความจำสั้น ถ้าให้เขียนยาวๆ อาจไม่อินเท่าเห็นภาพที่เก็บทุกความรู้สึกไว้ได้ทันทีที่มอง

 

Pancake: หนูจะเขียนว่า “ขอบคุณที่ตัดสินใจมาเป็น BNK48” แล้วก็ต่อด้วย “ขอบคุณที่เติบโตมาอย่างดี และดีใจที่ได้สนุกกับทุกงาน ทุกโอกาสที่ได้รับ”

 

เพราะถ้าย้อนเวลากลับไป แล้วไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงนี้ หนูว่ามันคงน่าเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ทำในหลายๆ อย่างที่อยากทำ ดีใจที่ได้ตามความฝันของตัวเอง และดีใจที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้จริงๆ

 

BNK48 CGM48 เปิดใจผ่านเพลง Colorcon Wink

 

ถ้าได้พูดกับแฟนคลับที่สนับสนุนมาตลอด เธออยากบอกอะไรกับพวกเขา..ผู้ที่ร่วมเดินทางมากับเธอจนถึงวันนี้?

 

Pancake: ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนหนู และเห็นความตั้งใจของเด็กคนนี้ค่ะ

 

หนูยอมรับเลยว่า หนูเริ่มต้นมาจากแถวหลัง แต่ดีใจมากที่ทุกคนให้โอกาส และเชื่อมั่นในตัวหนู จนทำให้วันนี้หนูได้มายืนเป็นเซ็นเตอร์ หนูตั้งใจอย่างเต็มที่กับซิงเกิลนี้ เพราะอยากตอบแทนในสิ่งที่ทุกคนมอบให้ หวังว่าทุกคนจะรักเพลงนี้เหมือนที่หนูรักนะคะ Love you

 

Grace: คำแรกเลยคือ “ขอบคุณ” ค่ะ รู้ดีว่าเส้นทางนี้ไม่ได้ง่ายเลย บางคนต้องอดหลับอดนอน แบ่งเวลา แบ่งเงินมาเพื่อสนับสนุนหนู ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน หรืออยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เดบิวต์ หนูรับรู้ถึงความพยายามของทุกคนจริงๆ

 

ขอบคุณที่อยู่กับหนูมาโดยตลอด หลังจากนี้ หนูจะทำให้ทุกเวลาที่ทุกคนให้มา…ไม่สูญเปล่า อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ รักนะคะ จุบุจุบุ

 

Nenie: ขอบคุณที่ซัพพอร์ตเด็กคนนี้ค่ะ ขอบคุณที่เติบโตมาด้วยกัน หนูเคยมีวันที่รู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อย แต่แค่เห็นรอยยิ้มจากแฟนคลับ หรือกำลังใจที่ส่งมา หนูก็ฮึบขึ้นมาได้ทุกครั้งเลย

 

ถ้าไม่มีพวกคุณ หนูคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะทุกคนช่วยโหวต หนูถึงได้ไปญี่ปุ่น ได้เต้นเพลงนี้ ได้ทำหลายสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้

 

อยากบอกว่า…ถ้าการเห็นหนูยิ้มคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ ตอนนี้หนูกำลังยิ้มกว้างมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ

 

Kaning: อยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนค่ะ เพราะในช่วงวัยทำงานที่ผ่านมา หนูได้รับพลังและสิ่งดีๆ มากมายจากทุกคนเลย

 

ทุกครั้งที่หนูพูดออกไปว่าอยากได้อะไร แล้วเขาสามารถมอบมันให้ได้ มันไม่ใช่เพราะโชค แต่มันคือการเติบโตมาด้วยกัน

 

หนูไม่เห็นหรอกว่าทุกคนทำอะไรบ้าง แต่มันแสดงออกในผลลัพธ์เสมอ และขอบคุณที่มองเห็นบางอย่างในตัวหนู อาจจะเป็นความหวัง หรือภาพสะท้อนของตัวเขาเองก็ได้ ขอบคุณที่อยู่กับเด็กคนนี้เสมอมาค่ะ

 

Sita: หนูรู้สึกเหมือนมันคือโชคชะตาค่ะ ที่ทำให้เราได้มาเจอกัน เพราะเราเลือกแฟนคลับไม่ได้ แต่แฟนคลับเลือกเราได้ แล้วมันกลับกลายเป็นว่า…คนที่ชอบอะไรคล้ายกัน ได้มาอยู่ร่วมกัน เพราะความธรรมดาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

 

มันคือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง ที่ได้เจอคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีพื้นเพอะไรเหมือนกันเลย แต่กลายเป็นครอบครัวกันได้ ขอบคุณที่รักหนูแบบไม่มีเงื่อนไข เหมือนที่หนูรักแมวของหนู สัญญาว่าจะไม่ทำแจกันแตก ไม่กินเปียกเยอะแล้วนะคะ (หัวเราะ)

 

รู้ว่าที่ผ่านมา หนูอาจจะ “ดูดพลังชีวิต” ของทุกคนไปเยอะมาก ทั้งตอนเลือกตั้งหรือเวลาที่อยากได้อะไรบางอย่าง แต่จากนี้..อยากให้ทุกคนมีความสุขด้วยตัวเองให้ได้ และหนูก็จะพยายามทำให้ได้เช่นกัน รักทุกคนเสมอ เหมือนวันแรกที่เรารู้จักกันเลยค่ะ

 

 

FYI
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising