เที่ยวดูไบ ตามรอยใครได้บ้าง

     นอกจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะยกย่องให้ ‘ดูไบ’ เป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวเหนือระดับ ดูไบยังมีเงื่อนไขที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้สร้างภาพยนตร์จากทั่วโลกเข้าไปใช้สถานที่ของตนในการถ่ายทำฉากต่างๆ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์แห่งโลกอาหรับ ทะเลทรายสุดตระการตา รวมถึงตึกระฟ้าที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ฯลฯ จึงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดไปอย่างมหาศาล

     และเพื่อให้เห็นถึงความงามที่ชัดเจนแบบทุกมิตินอกเหนือจากที่เห็นในจอภาพยนตร์ วันนี้เรารวบรวมสถานที่ถ่ายทำจริงที่ถูกสร้างสรรค์จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่หลายเรื่อง และที่สำคัญ สถานที่เหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ในการถ่ายทำ แต่ความสวยงามและยิ่งใหญ่ที่บรรจงสร้างขึ้นมาทำให้คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง ถ้าเราจะบอกว่า ‘สถานที่’ เหล่านี้คือหนึ่งในตัวละครสำคัญที่ทำให้เรื่องนั้นๆ มีมิติมากขึ้นจากเดิม

 

 

เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) – Mission Impossible: Ghost Protocol (2011)

ถ้าคุณยังจดจำฉากเสี่ยงตายของปฏิบัติการไร้เงาที่คนดูต้องลุ้นในระดับจิกเบาะไปตามๆ กัน เมื่อสายลับ อีธาน ฮันต์ (รับบทโดย ทอม ครูซ) ต้องปีนตึกเบิร์จ คาลิฟา ที่สูงเฉียดฟ้าในวันที่ลมพัดกระหน่ำสุดๆ แถมพลังงานของถุงมือสุดไฮเทคคู่ใจก็ใกล้จะหมดเต็มที งานนี้เราจึงได้เห็นทอม ครูซ ถอดถุงมือปีนตึก ซึ่งระดับความเสียวเอาไปเลยเต็มสิบ

 

 

     ตึกเบิร์จ คาลิฟา ยังได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน โดยมีจำนวน 163 ชั้น หรือประมาณ 2716.5 ฟุต เบื้องหลังการถ่ายทำฉากปฏิบัติการเสี่ยงตายของอีธาน ฮันต์ จึงสร้างความวายป่วงแก่ทีมงานอยู่ไม่น้อย ซึ่งกว่าจะสำเร็จออกมาเป็นฉากที่เห็นกันไม่ถึง 10 นาทีนั้นต้องใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 23 วัน อันประกอบด้วยทีมงานกว่า 400 ชีวิต แต่ความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมรูปตัว Y ที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้ทะเลทรายในตระกูล Hymenocallis ได้เสกให้ฉากนี้กลายเป็นฉากในตำนานที่คนยังติดตาและติดใจจนต้องเดินทางมาเยือนสักครั้งให้ได้

 

 

เอมิเรตส์ พาเลซ (Emirates Palace) – Sex and the City 2 (2010)

     เอมิเรตส์ พาเลซ โรงแรมสุดหรูแห่งเมืองอาบูดาบี คือสถานที่ที่ตัวละคร 4 สาวจาก Sex and the City ได้เดินทางมาพักผ่อนฟื้นฟูจิตใจหลังจากที่ชีวิตแต่ละคนต้องเผชิญกับมรสุม ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก และการทำงาน คนดูจึงเห็นมุมไฮไลต์ต่างๆ ของโรงแรมอย่างโถงต้อนรับ ห้องนอน สระว่ายน้ำ รวมถึงห้องอาหาร ฯลฯ ที่วิจิตรบรรจงในการตกแต่งอย่างหรูหราอลังการสมกับที่เป็นโรงแรม 7 ดาวให้คนดูต้องตาร้อนไปกับความน่าอิจฉาขั้นสุดของพวกเธอไปตามๆ กัน

 

 

     เนื่องจากเอมิเรตส์ พาเลซ ถูกใช้เป็นสถานที่ส่วนใหญ่ในการเดินเรื่อง โรงแรมจึงไม่ได้เป็นแค่สถานที่ที่ตั้งอยู่นิ่งๆ แต่ความโดดเด่นของมันได้ทำหน้าที่เสมือนตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องไปด้วย ซึ่งตัวละครนี้ได้สร้างความแปลกหูแปลกตาต่อ 4 สาวผู้เดินทางมาจากอีกวัฒนธรรมด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นมิตรจากเอมิเรตส์ พาเลซ ผู้มาเยือนจึงสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรจนเกิดความสบายใจที่จะได้ใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับปัญหาที่แต่ละชีวิตต้องเผชิญ การเดินทางมาพักผ่อนในอีกซีกโลกจึงช่วยคลี่คลายและให้คำตอบต่อปมปัญหาที่ค้างคาใจมาตั้งแต่ต้นได้เป็นอย่างดี

 

 

ทะเลทรายแห่งอาบูดาบี – Star Wars Episode VII: The Force Awakens (2015)

     ทะเลทรายแห่งอาบูดาบีที่อยู่ห่างจากดูไบไปไม่ไกล คือสถานที่กำเนิดฉากในตำนานอย่างการไล่ล่าชิงแผนที่แสนระทึกใจระหว่างปฐมภาคีและฝ่ายต่อต้านที่เกิดขึ้นบนดาวทะเลทรายแจคคู (Jakku)

 

 

     โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นสาวกเดนตายของแฟรนไชส์ Star Wars บอกได้คำเดียวว่าคุณจะต้อง ‘ทึ่ง’ ในความทุ่มเทของทั้งผู้กำกับและทีมงานที่สามารถเนรมิตทะเลทรายที่งดงามเวิ้งว้างห่างไกลผู้คนให้กลายเป็นสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยกระสวยอวกาศ หอคอย และเศษซากปรักหักพังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน รวมไปถึงที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตบนดาวแห่งนี้ได้อย่างไร จนอาจพูดได้ว่านี่คือหนึ่งในภารกิจ ‘ก่อนตาย’ ที่ควรทำให้ได้ของสาวก Star Wars ทุกคน

 

 

     ต่อให้ไม่ใช่แฟนตัวยงของมหากาพย์แฟรนไชส์นี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะความงดงามบนความเวิ้งว้างที่ยิ่งใหญ่สุดลูกหูลูกตาก็ควรค่าพอแล้วกับการที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต

 

 

ตึกระฟ้าในดูไบ – Star Trek Beyond (2016)

     นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องสถาปัตยกรรมที่ออกแบบอย่างหรูหราวิจิตรบรรจง ดูไบยังมีตึกระฟ้าที่ดีไซน์อย่างล้ำสมัย โดยอาคารเหล่านี้ถูกหมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทีมโปรดิวเซอร์ของหนังได้เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าอย่าง Mission: Impossible – Ghost Protocal (2011) ว่าจะต้องนำความงดงามนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ให้ได้

 

 

     ในที่สุดฉากอันตระการตาแห่งโลกอนาคตก็ปรากฏเป็น Star Trek ภาคล่าสุด กับภารกิจของการเดินทางข้ามเวลา 5 ปี โดยมีอาคารนับ 10 แห่งในดูไบถูกใช้เป็นฉากหลัง เช่น ฐานที่อยู่ของฝูงบินสตาร์ฟลีท รวมไปถึงเมืองท่าแห่งโลกอนาคตอย่างยอร์คทาวน์ และถ้าคุณยังจำยอดแหลมบนตึกที่ปรากฏขึ้นในฉากหนึ่งของเรื่องได้ มันคือยอดของอาคาร Al Mas ที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่มวลอาคารทั้งหมด ซึ่งถ้าหากเรามีโอกาสได้ขึ้นไปมุมอาคารที่เรียงรายอยู่มากมายจากเบื้องบน เราจะรู้เหตุผลได้ทันทีว่าเพราะอะไรผู้กำกับและทีมงานนับพันชีวิตจึงต้องเดินทางมาถ่ายทำกันยังสถานที่แห่งนี้

 

 

เอทิฮัด ทาวเวอร์ (Etihad Towers) – Furious 7 (2015)

     เอทิฮัด ทาวเวอร์ คือกลุ่มอาคารที่ใช้ในการถ่ายทำฉาก ‘จัมป์รถ’ ข้ามตึกของ โดมินิก ทอเรตโต (รับบทโดย วิน ดีเซล) ที่ผสมผสานทั้งความสวยงามยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมเข้ากับวีรกรรมสุดห่ามที่ไม่มีมนุษย์ปกติคนใครนึกอยากทำ (แน่สิ เพราะเราจะใช้คำว่า ‘ปกติ’ กับโดมินิกไม่ได้เด็ดขาด) ทำให้เราลุ้นจนนั่งไม่ติดเบาะราวกับได้นั่งอยู่ข้างๆ คนขับในวันนั้นจริงๆ

 

 

     ตัวอาคารมีทั้งหมด 5 ตึก ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับเอมิเรตส์ พาเลซ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ด้วยความสูงเฉลี่ยของแต่ละอาคารที่มากกว่า 200 เมตร แถมแต่ละอาคารตั้งห่างกันอย่างต่ำก็ร่วม 40 เมตร เพียงแค่มองจากข้างล่างขึ้นไปก็สามารถทำให้เข่าอ่อนจนแทบยืนไม่อยู่แล้วล่ะ ถ้าคิดว่าที่เห็นในหนังนั่นหวาดเสียวพออยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้ลองขึ้นมายืนอยู่บนนี้จริงๆ ความน่ากลัวก่อนหน้าที่เคยรู้สึกจะกลายเป็นเหมือนความฝันไปเลย

 

 

Emirates Golf Club และ Jumeirah Golf Estate

     หากขยับออกมาจากวงการภาพยนตร์มาเก็บตกในแวดวงกีฬาบ้าง ดูไบก็มีสถานที่น่าตามรอยอย่าง Emirates Golf Club คลับเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง สนามเดียวกับที่ชาวไทยเคยคว้าแชมป์รายการ BMW Golf Cup International World Final รายการกอล์ฟสมัครเล่นรายการสำคัญของโลกมาได้หมาดๆ เมื่อต้นปี 2017

 

 

     สนามกอล์ฟระดับเวิลด์คลาสอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ Jumeirah Golf Estate ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 111,900 เอเคอร์ รายล้อมไปด้วยภูมิทัศน์เขียวขจี ชุมชนและที่อยู่อาศัยที่มีสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว ทั้งยังเคยเป็นสังเวียนยูโรเปียนทัวร์อย่างรายการ DP World Tour Championship, Dubai อีกด้วย 

 

Photo: Shutterstock