วันนี้ (1 สิงหาคม) ที่ห้องประชุมและวางแผน อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 15/2565 โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ชัชชาติกล่าวภายหลังการประชุมว่า สำหรับผลตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงฝีดาษลิง 17 รายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ผลยืนยันแล้วว่าไม่ติดเชื้อ อยากประชาสัมพันธ์ว่าสำหรับมาตรการป้องกันโควิดเองก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิงได้เช่นกัน
ด้าน ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สถานการณ์ของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ ทางศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) สำนักอนามัย ได้เข้าทำการฆ่าเชื้อบ้านพักและบริเวณโดยรอบของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงที่ยืนยันไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไร ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่วนชาวต่างชาติอีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว
เรื่องที่ 2 สถานะของผู้ป่วยปัจจุบันที่อยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ ตอนนี้อาการดีขึ้น มีการกักตัวต่อเนื่องตามระยะเวลา และอยู่ในห้องความดันลบเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
และเรื่องที่ 3 ได้มีการประชาสัมพันธ์ 2 ส่วน แบ่งเป็นภาคประชาชน ลักษณะของฝีดาษลิงเป็นอย่างไร เฝ้าระวังอย่างไร จะดูแลอาการเบื้องต้น และดูว่ามีความเสี่ยงแบบไหนที่อาจเกิดโรคได้
ทวิดากล่าวอีกด้วยว่า ฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อที่ไม่ได้ติดต่อได้โดยง่าย มาตรการที่ใช้กับโควิดสามารถใช้ได้ การรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยช่วยได้ ที่สำคัญที่สุดเพิ่มเติมคือการล้างมือให้บ่อยขึ้น ทางการแพทย์บอกว่าให้ล้างมือนานหน่อยจะดีมากในการป้องกันการติดเชื้อ
ส่วนการประชาสัมพันธ์อีกรูปแบบหนึ่งคือ ภาคบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาล กรณีมีผู้สงสัยเวลามีผื่นหรือมีตุ่มแล้วไปตรวจที่สถานพยาบาล ให้บุคลากรทางการแพทย์เฝ้าระวังและตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติม เพราะถ้าเห็นตั้งแต่แรกก็สามารถช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจาย และทำเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
ส่วนประเด็นความพร้อมของเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด การเฝ้าระวังและติดตามอาการผู้ป่วยกลุ่ม 608 อย่างใกล้ชิด ทวิดากล่าวว่าสถานการณ์โควิดใน กทม. จำนวนผู้ป่วยในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมามีรายงานการเข้าไปรักษาที่สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย และโรงพยาบาลวชิระ อยู่ที่เกือบ 3,000 ราย เป็นสัดส่วนล้อกับของทั้งประเทศ
ข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าเมื่อรวมกับผลตรวจอย่างอื่นด้วย ผู้ป่วยจะอยู่ที่ไม่เกิน 10,000 ราย ถ้าช่วยกันทั้งในการฉีดวัคซีน ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย น่าจะอยู่ในเส้นทางที่สามารถช่วยควบคุมหรือลดจำนวนผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อลงไปได้ หรืออย่างน้อยที่สุดให้ผู้ป่วยไม่มีอาการ จำนวนการครองเตียงของโรงพยาบาลสังกัด กทม. ยังสามารถให้บริการประชาชนได้
โดยโรงพยาบาลในเมืองยังมีเตียงรองรับได้ประมาณ 70-80% ส่วนโรงพยาบาลรอบนอกยังสามารถรับได้ ซึ่งมีอัตราการครองเตียงไม่เกิน 40% โรงพยาบาลสนามที่เปิดมีอัตราการครองเตียง 10% หรือยังสามารถรับผู้ป่วยได้ โดยผู้ป่วยจำนวนมากสุดจะเป็นสีเขียว สีเหลืองจำนวนไม่มาก ที่ต้องการแยกตัวจากครอบครัวหรือมีอาการ ส่วนยาที่มีสำรองอยู่ในโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขยังเพียงพอ กทม. มีการวิเคราะห์การใช้ยาล่วงหน้า 3-5 วันอยู่แล้ว
ทวิดากล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันศูนย์บริการสาธารณสุขเปิดให้บริการวันเสาร์ด้วย เพื่อให้บริการเพิ่มเติมในการรักษาโควิด การฉีดวัคซีน การจ่ายยา นอกจากนี้โรงพยาบาลสังกัด กทม. ได้เปิดให้บริการส่งผลตรวจ ATK พร้อมบัตรประชาชนออนไลน์ได้ ยืนยันสิทธิมาที่โรงพยาบาลก็จะจ่ายยาให้
พร้อมกันนี้ได้มีการกำชับให้ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัด ติดตามผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่อาจรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หรือติดต่อโรงพยาบาลผ่านระบบออนไลน์ บางครั้งอาจมีความซับซ้อนทางร่างกายและอาการ หรือความเจ็บป่วยก่อนหน้าอยู่ ให้มีการติดตามใกล้ชิด เป็นการเฝ้าระวัง เพราะอาการอาจดีขึ้นตอนรับยา แต่ผ่านไป 2-3 วัน อาจมีเงื่อนไขอื่นเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีช่วงที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากและยาค่อนข้างพอดี กทม. ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตสำรวจพื้นที่ และเตรียมอุปกรณ์พร้อมไว้กรณีจำเป็นต้องเปิดศูนย์พักคอย (CI) โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีประชาชนหนาแน่น แต่ช่วงนี้โรงพยาบาลสนามเอราวัณเปิดหมด รวมถึงประสานความร่วมมือกับเครือข่ายประชาสังคมเพื่อไม่ให้มีเคสที่ดูแลไม่ทั่ว รวมแล้วความสามารถของระบบหลักยังดีอยู่ ตอนนี้โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามของ กทม. ยังรับได้ทั้งหมด