“ลูกค้ามี Blue Card ไหม” เป็นประโยคแรกที่แวบขึ้นมาในหัวโดยไม่ตั้งใจ หลังจากที่ได้เห็นข่าวใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 กุมภาพันธ์)
แต่เอาสาระ เกมฟุตบอลเตรียมจะทดลองใช้ ‘ใบน้ำเงิน’ (Blue Card) ในการตัดสิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามทดลองใช้กฎ ‘Sin Bins’ ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่มีการพูดถึงมาสักระยะในช่วงก่อนหน้านี้
เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร และจะมีการนำมาใช้จริงไหม?
กระแสข่าวเรื่อง ‘ใบน้ำเงิน’ ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกโดย Daily Telegraph สำนักข่าวอังกฤษ ที่รายงานข่าวว่า ทางด้านบอร์ดสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (International Football Association Board หรือ IFAB) ซึ่งเป็นผู้ออกกฎเกณฑ์การตัดสินในเกมฟุตบอล กำลังพิจารณาถึงการทดลองใช้ใบน้ำเงินในเกมการแข่งขันฟุตบอล
โดยใบน้ำเงินนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องกฎ ‘Sin Bins’ ที่จะให้ผู้เล่นที่ทำผิดกติกาในบางกรณี
- พูดจาดูถูกเหยียดหยามหรือแสดงความไม่เคารพต่อผู้ตัดสิน
- ทำโปรเฟสชันนัลฟาวล์
ผู้เล่นที่ถูกใบน้ำเงินจะต้องออกนอกสนามเป็นเวลา 10 นาทีด้วยกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ หากผู้เล่นโดนใบน้ำเงินจำนวน 2 ใบในเกมเดียวกัน จะมีค่าเท่ากับโดนใบแดง คือต้องออกจากสนามกลับห้องแต่งตัวทันที โดยไม่มีสิทธิ์กลับมาลงสนาม
หรือหากโดนใบเหลืองและใบน้ำเงินในเกมเดียวกันก็เท่ากับใบแดงเช่นกัน
ประวัติศาสตร์ใบเหลือง ใบแดง
สำหรับใบน้ำเงินนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเรื่องของการลงโทษผู้เล่น ซึ่งกฎนี้จริงๆ แล้วเรียกว่า ‘ใบทำโทษ’ (Penalty Card)
ก่อนหน้านี้ ในเกมฟุตบอลผู้ตัดสินสามารถไล่ผู้เล่นออกจากสนามได้ แต่ไม่มีความชัดเจน ซึ่งก็เกิดกรณีปัญหาในฟุตบอลโลกปี 1966 ในเกมระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา โดยหลังเกมจบลงมีการเปิดเผยว่า ผู้ตัดสิน รูดอล์ฟ เครตไลน์ ได้เตือนพี่น้องบ็อบบี้ และ แจ็คกี้ ชาร์ลตัน ของอังกฤษ และได้ไล่ อันโตนิโอ รัตติน ของอาร์เจนตินาออกจากสนามด้วย
ปัญหาคือผู้ตัดสินไม่ชัดเจนในระหว่างเกม เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในเวลานั้น จึงได้ติดต่อกับตัวแทนของ FIFA เพื่อขอคำชี้แจงในช่วงหลังจบเกม
นั่นทำให้ เคน แอสตัน ผู้ตัดสินชาวอังกฤษ คิดหาวิธีที่จะทำให้การตัดสินชัดเจนขึ้น เพราะการจะให้ผู้ตัดสินบอกอย่างเดียวบางทีอาจจะมีปัญหาเรื่องกำแพงของภาษาได้
แอสตันมาปิ๊งไอเดียของไฟสัญญาณจราจร ซึ่งก็ถือเป็นภาษาสากลอย่างหนึ่ง
เหลือง – เตรียมหยุด
แดง – หยุด
แบบนี้ใครก็เข้าใจแน่นอน จึงได้มีการทำเรื่องเสนอ สุดท้าย IFAB มีมติให้เริ่มใช้ใบเหลืองและใบแดงในฟุตบอลโลกปี 1970 เพื่อลงโทษและตักเตือนผู้เล่น กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของเกมฟุตบอล ส่งผลต่อทั้งความประพฤติของผู้เล่น ไปจนถึงการวางแท็กติกการเล่นด้วย
นี่ไม่ใช่เกมฟุตบอลอีกแล้ว?
สำหรับใบน้ำเงินนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Sin Bins ซึ่งทางด้าน IFAB ให้ความสนใจที่จะนำกฎที่ใช้ในเกมรักบี้มาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลในระดับสูง หลังจากที่เริ่มมีการทดลองใช้แล้วประสบความสำเร็จในเกมระดับรากหญ้าและระดับเยาวชน
เรื่องนี้เริ่มมีการหารือกันอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะได้เริ่มทดลองใช้ในเร็วๆ นี้
เดิมสมาคมฟุตบอลเวลส์มีแผนจะเริ่มทดลองใช้ในการแข่งขันรายการระดับรากหญ้า (Grassroots) ในฤดูกาลนี้ก่อน ซึ่งเดิมคิดว่าจะให้ใช้เป็นใบสีส้ม (Orange Card) แต่ดูก้ำกึ่งเกินไประหว่างใบเหลืองกับใบแดง จึงเลือกสีน้ำเงินแทน แต่สุดท้ายยังไม่มีความชัดเจน
แต่ตอนนี้มีความชัดเจนมากขึ้น และทางด้าน IFAB อนุมัติให้เริ่มทดลองใช้ได้เลย ซึ่งรวมถึงในเกมระดับสูงสุดด้วย ที่คาดว่าจะสามารถเริ่มได้เร็วที่สุดในช่วงฤดูร้อนนี้เลย ซึ่งรวมถึงรายการอย่างเอฟเอคัพ และเอฟเอคัพหญิง ที่คาดว่าจะมีการทดลองใช้
อย่างไรก็ดี ในรายการใหญ่อย่างยูโร 2024 หรือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทางด้าน อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก และเคยให้สัมภาษณ์ว่า กฎนี้ “มันจะไม่ใช่เกมฟุตบอลอีกต่อไป”
เรียกว่าเสียงยังแตกอยู่สำหรับกฎนี้ แต่สุดท้ายมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกมฟุตบอลดีขึ้นได้จริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องทดลองกันก่อน
มันอาจจะดีก็ได้ เพราะไม่น่ามีอะไรแย่ไปกว่าการตัดสินของพรีเมียร์ลีกตอนนี้อีกแล้ว
อ้างอิง: