แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางถึงกรุงปักกิ่งของจีนแล้ววันนี้ (18 มิถุนายน) ในโอกาสเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่คุกรุ่นมาอย่างต่อเนื่องระหว่างสหรัฐฯ และจีน
โดยบลิงเคนถือเป็นผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในรอบเกือบครึ่งทศวรรษ ต่อจาก ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยเดินทางเยือนจีนเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา
ทางการสหรัฐฯ มองว่า การตัดสินใจเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการกลับมาใช้ช่องทางการสื่อสารกับจีนตามปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสองประเทศ
บลิงเคนระบุว่า สิ่งที่เรากำลังทำในการเดินทางครั้งนี้คือการสานต่อสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้ตกลงร่วมกันไว้ที่เวที G20 บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา นั่นก็คือการสร้างสายสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ช่องทางสื่อสารที่เป็นปกติระหว่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังสื่อสารอย่างถูกต้องและชัดเจนที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการสื่อสารที่ผิดพลาดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยหลายฝ่ายมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลจีนนั้นเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและมีผลลัพธ์เกิดขึ้นตามมามากที่สุด ทั้งยังเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดอย่างต่อเนื่องในช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเด็นที่มักจะเกี่ยวข้องกับการทหารและความมั่นคง
เดิมทีการเดินทางเยือนในครั้งนี้เคยถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากกรณีพิพาทเกี่ยวกับบอลลูนสอดแนมจีนที่จีนอ้างว่าเป็นบอลลูนที่ใช้เก็บข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาได้ลอยเคลื่อนเข้าสู่เขตน่านฟ้าของสหรัฐฯ จนนำไปสู่การยิงบอลลูนลูกดังกล่าวตกลงในมหาสมุทรในท้ายที่สุด
ทางด้าน แดเนียล คริสเตนบลิงก์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เผยว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีน “ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ผู้แทนในระดับสูงของทั้งสองประเทศจะได้พูดคุยหารือกัน พร้อมทั้งเผยว่าทางการสหรัฐฯ ไม่ได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งด้วยความคิดหวังที่จะเห็นความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่เราปฏิบัติต่อกันมากขนาดนั้น”
แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในครั้งนี้อาจมีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศได้ไม่มากก็น้อย
ภาพ: Leah Millis / Pool / Reuters
อ้างอิง: