วานนี้ (9 ตุลาคม) จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรมการขนส่งทางบกร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบรถโดยสารและรถบรรทุก รวมถึงรถอื่นๆ ที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป
โดยได้มีการตั้งจุดตรวจควันดำใน 5 พื้นที่ที่มีค่ามลพิษฝุ่นละออง PM2.5 สูง ประกอบด้วย ถนนพุทธมณฑลสาย 3, ถนนพระราม 2, ถนนเทพรัตน, ถนนสุวินทวงศ์ และถนนวิภาวดีรังสิต หากพบดำเนินการเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท พ่น ‘ห้ามใช้’ โดยจะไม่สามารถใช้งานรถได้จนกว่าจะแก้ไขเรียบร้อยและนำรถเข้าตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง ส่วนรถที่มีค่าควันดำระหว่างร้อยละ 30-45 ให้ออกใบเตือนเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขให้ค่าควันดำลดลง และสามารถนำรถเข้ารับการตรวจสภาพได้ที่สำนักงานขนส่ง
นอกจากการบูรณาการร่วมกับ บก.จร. แล้ว กรมการขนส่งทางบกยังมีมาตรการเข้มงวด ตั้งจุดตรวจควันดำบนถนนสายหลักทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ทางหลวงแผ่นดินหมาย 32, ถนนพระราม 2, ถนนเพชรเกษม, ถนนบรมราชชนนี, ถนนสุวินทวงศ์, ถนนพหลโยธิน, ถนนสุขุมวิท, ถนนบางนา-ตราด, ถนนติวานนท์, ถนนลำลูกกา, ถนนรังสิต-นครนายก, ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี, ถนนรังสิต-ปทุมธานี รวมถึงมอเตอร์เวย์ (ด่านลาดกระบังขาเข้า), ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือแหลมฉบัง, อู่ ขสมก. และสถานีขนส่งสินค้าชานเมืองทั้ง 3 แห่ง (ร่มเกล้า, คลองหลวง, พุทธมณฑล)
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับต่างจังหวัดให้สำนักงานขนส่งจังหวัดและสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา จัดส่งผู้ตรวจการออกกวดขันจับกุมรถบรรทุกและรถโดยสารในพื้นที่อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมถึงที่จุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ Checking Point ทุกๆ ระยะทาง 90 กิโลเมตรทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้เปิดช่องทางร้องเรียนให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วยการส่งภาพรถบรรทุกและรถโดยสารควันดำที่สังเกตเห็นหมายเลขทะเบียนชัดเจน ผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน หมายเลข 1584, ทาง Facebook ‘1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ’ www.facebook.com/dlt1584/, LINE เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบและลงโทษอย่างเด็ดขาดและจริงจัง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ภาพ: Facebook – กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
