×

วิเคราะห์ทำไม ‘Black Friday’ สหรัฐฯ ปีนี้คึกคักผิดคาด ชาวอเมริกันเปย์หนัก ยอดช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 9.8 พันล้านดอลลาร์

26.11.2023
  • LOADING...
Black Friday

‘Black Friday’ คำเรียกแทนวันศุกร์ที่ต่อจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ของสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนในทุกปี วันนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งวันเริ่มต้นเทศกาลช้อปปิ้ง ลดราคากระหน่ำที่ใหญ่ที่สุดของปี และในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนตั้งคำถามถึงกำลังซื้อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้จะฟื้นตัวได้หรือไม่ ซึ่งอาจผิดคาด เมื่อยอดช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซปีนี้กลับทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 9.8 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่แล้ว

 

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า แม้ฤดูกาลช้อปปิ้งส่งท้ายปี ‘Black Friday’ ของชาวอเมริกันปีนี้มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ก็ไม่ได้สะเทือนกระเป๋าเงินของเหล่านักช้อปชาวอเมริกันที่ล่าสุดพบว่า ยอดขายออนไลน์ในคืนวัน Black Friday ของสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่แล้ว

 

ตามรายงานของ Adobe Analytics ระบุว่า การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วช่วง Black Friday ในปีนี้สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่พร้อมจับจ่ายมากกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันและราคาอาหารสูง และข้อบ่งชี้อีกข้อคือแรงกระตุ้นปีนี้มีปัจจัยหลักมาจากผู้บริโภคยึดติดเรื่องราคาขายและรอคอยส่วนลดสูงสุด ต้องการใช้จ่ายผ่านข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีคือช่องทางอีคอมเมิร์ซ

 

อินฟลูเอ็นเซอร์และโฆษณาบนโซเชียลมีเดียช่วยกระตุ้น

 

ขณะเดียวกัน ยอดขายออนไลน์กว่า 5.3 พันล้านดอลลาร์ มาจากการช้อปปิ้งบนมือถือ และเป็นที่สังเกตว่าบรรดาอินฟลูเอ็นเซอร์และการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียยิ่งมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคใช้จ่ายผ่านอุปกรณ์มือถือได้อย่างเข้าถึงสะดวกสบายและง่ายขึ้น 

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ยอดขาย 79 ล้านดอลลาร์ มาจากผู้บริโภคที่เลือกใช้วิธีการชำระเงินแบบยืดหยุ่น นั่นคือ ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง’ เพื่อลดภาระ ซึ่งในส่วนนี้เองก็เพิ่มขึ้นถึง 47% จากปีที่แล้ว

 

 

ซื้อผ่านออนไลน์ในร้านที่ไม่มีหน้าร้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขายดีสุด 

 

ส่วนหมวดหมู่ที่ขายดีที่สุดในช่วง Black Friday ปีนี้ ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น นาฬิกาอัจฉริยะและโทรทัศน์ รวมถึงของเล่นและเกม และสินค้าขายดีจะเป็นสินค้าที่มีส่วนลดมากที่สุด

 

นอกจากนี้ Adobe วิเคราะห์อีกว่า แม้ชาวอเมริกันยังคงคำนึงถึงราคาสินค้า และต้องระมัดระวังค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากกังวลสภาวะอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง แต่การเข้าชมเว็บไซต์ค้าปลีกในสหรัฐฯ มีมากถึง 1 ล้านล้านครั้ง โดยเข้าชม 18 หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ และชมสินค้าที่ไม่ซ้ำกัน 100 ล้านรายการ และส่วนใหญ่เป็นร้านที่ไม่มีหน้าร้าน 

 

ขณะที่ Mastercard วิเคราะห์ยอดขายในคืน Black Friday ในปีนี้ พบว่ายอดขายในร้านค้าเพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับยอดขายออนไลน์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยอีกเหตุผลสำคัญคือพฤติกรรมการจับจ่ายที่เปลี่ยนไป ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่ผู้คนต้องไปเบียดเสียดหน้าร้าน ต่อคิวยาว ในส่วนนี้อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

 

ทำให้ผู้บริโภคเลือกช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากง่ายต่อการเปรียบเทียบราคา และอาจได้ราคาที่ดีกว่า นอกจากนี้ บรรดาค้าปลีกชื่อดังอย่าง Best Buy, Target

ต่างอัดโปรโมชันเปิดตัวป๊อปอัพที่มอบส่วนลดตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแบรนด์และสินค้าบางรายการ

 

Cyber ​​Monday จ่อทุบสถิติเช่นกัน

 

ทั้งนี้ Adobe ประเมินว่า การใช้จ่ายจะยังคงแข็งแกร่งในช่วงสุดสัปดาห์และจนถึง Cyber ​​Monday (วันช้อปปิ้งออนไลน์ที่ตรงกับวันจันทร์หลังช่วง Black Friday) ที่ยังคงมีการลดราคาที่ใหญ่ที่สุดรออยู่ ส่งผลให้รายงานคาดการณ์ว่าผู้ซื้อออนไลน์จะใช้จ่ายประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ และปีนี้ Cyber ​​Monday ก็จะทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้จ่ายปีนี้อาจลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายเดือนธันวาคม ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ แต่การเติบโตที่แท้จริงกลับผิดคาดและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนพฤศจิกายน ในช่วงสัปดาห์ขอบคุณพระเจ้าหรือ Thanksgiving 

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising