วันนี้ (20 เมษายน) ภายในงานดีเบตเสนอวิสัยทัศน์ ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ แก้ปัญหาคนกรุง ครั้งที่ 2’ หัวข้อ ‘กทม. โรคระบาด เมืองระบม’ ที่จัดโดย PPTV วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ว่าฯ กทม. จะต้องทำให้ได้ภายใน 90 วัน คือต้องเปิดเมือง เปิดหน้ากาก เปิดเศรษฐกิจ เปิดวิถีชีวิตปกติให้ทุกคนให้ได้
โดยวิโรจน์ยกตัวอย่างที่ผู้ชมในสนามการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับทีมลิเวอร์พูล สามารถเปิดหน้ากากรับชมการแข่งขันได้ทั้งหมดว่า “ผมคิดว่าเวลานี้คน กทม. เริ่มถามตัวเองแล้วว่าเราฉีดวัคซีนกัน 3-4 เข็มเพื่อจะต้องใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างคุยกันแบบนี้ต่อไปถึงเมื่อไร ผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีเป้าหมายสำคัญว่าจะต้องเปิดเมืองให้ได้ เปิดหน้ากาก เปิดเศรษฐกิจ เปิดการใช้ชีวิตปกติเสียที ขณะนี้มหานครหลายแห่งในโลกผ่อนคลายแล้ว ที่เขาทำได้ไม่ได้หมายความว่าเขาติดน้อยลง แต่เนื่องจากการฉีดวัคซีน และพอติดเขาไม่คิดถึงเรื่องการตายอีกแล้ว เพราะเขามั่นใจในระบบการรักษา”
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า กทม. ต้องคิดแล้วว่าขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้ถึงร้อยละ 67 หรือประมาณ 5 ล้านเข็ม ถ้าตั้งเป้าและรณรงค์ว่าจะฉีดให้ได้เท่ากับจำนวนเข็มที่ 2 คือประมาณ 8 ล้านเข็ม เท่ากับยังเหลืออีกราว 3 ล้านเข็ม เฉลี่ยวันละ 60,000 เข็ม ซึ่งเคยทำได้แล้ว ฉะนั้นอย่าให้การฉีดวัคซีนล้มเหลวเหมือนโครงการไทยร่วมใจที่มีการกระจายจุดฉีดวันละ 50,000 เข็ม เพียง 60 วัน
“ชาวต่างชาติเวลามาเที่ยวเขาดูที่อัตราการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพราะรู้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการรับมือกับโอมิครอนและอัตราการตาย นี่คือเครื่องมือที่หนึ่ง เครื่องมือที่สองใช้งบประมาณ 2.5 พันล้านบาท จัดหายาจำเป็นทั้งหลาย งบก้อนนี้เท่ากับโครงการคลองช่องนนทรี 2 คลอง, คลองโอ่งอ่าง 1 คลอง ผมคิดว่าคุ้มที่จะแลกกับการเปิดเมือง สุดท้ายการส่งต่อผู้ป่วย จะต้องทำให้ผู้ป่วยโควิดไม่คิดถึงการตาย แต่คิดถึงการรักษา ภายใน 90 วัน กทม. ต้องเปิดเมือง เปิดเศรษฐกิจ เปิดวิถีชีวิตให้กับทุกคนให้ได้ ไม่ใช่ใส่หน้ากากแบบนี้ไปตลอดปีตลอดชาติ อังกฤษเปิดได้ ลอนดอนเปิดได้ แล้วทำไมกรุงเทพฯ จะเปิดไม่ได้” วิโรจน์กล่าวในที่สุด