วานนี้ (16 เมษายน) สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 4 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากได้ไปรับฟังปัญหาและอุปสรรคจากผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจการค้าร้านอาหารกลางคืน พนักงานเสิร์ฟ และนักดนตรี โดยระบุว่า หากโควิดยังมีสถานการณ์เช่นนี้ จะทำให้ร้านอาหารกลางคืนยิ่งลำบากอย่างต่อเนื่อง หลังจากต้องปิดร้านไปหลายรอบ อีกทั้งภาครัฐมีมาตรการจัดการร้านที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวไม่ได้มีเพียงผู้ประกอบการร้านอาหารเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่จะส่งผลถึงพนักงาน นักดนตรี ทำให้บางคนเมื่อสถานประกอบการปิด ทำให้ขาดรายได้จำเป็นต้องกู้เงินนอกระบบ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น ขณะที่บางคนต้องหารายได้เพิ่มด้วยการขับรถส่งอาหาร เนื่องมาจากรายได้ที่เคยได้เป็นรายวันนั้นหดหายไป
สุชัชวีร์กล่าวต่อไปว่า เมื่อตนได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เรื่องแรกที่ตั้งใจจะจัดการคือ จะลงไปต่อสู้กับโควิดอย่างเข้มข้น ด้วยการเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือแพทย์อย่างทั่วถึง เพราะเมื่อ กทม. แก้ปัญหาเรื่องโควิดได้จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมา คนไม่ตกงาน เกิดการจ้างงานได้อีกหลายพันตำแหน่ง และบุคลากรทางการแพทย์สามารถรักษาโรคอื่นๆ ได้ด้วย
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจอาหารกลางคืน ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในกรุงเทพฯ และขณะนี้ กทม. เองยังไม่มีมาตรการรองรับในเรื่องดังกล่าว จึงได้ตั้งข้อสังเกต 3 เรื่อง ประกอบด้วย
- ความสะอาด: ในเรื่องการจัดการความสะอาดนั้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องจ่ายเงินให้ กทม. เพิ่มเป็นพิเศษ จึงจะได้รับการดูแลและมาเก็บขยะ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ กทม. ที่ต้องดูแลด้านสุขอนามัย และความสะอาดให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว
- มาตรการเยียวยาในอนาคต: ด้วยอำนาจของ กทม. ในการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ ดังนั้น กทม. ควรพิจารณาใช้มาตรการด้านภาษี อาทิ การลดภาษีที่ดินบางส่วน เพื่อเป็นการส่งเสริมร้านอาหารที่ทำความดี และทำได้ตามเงื่อนไขมาตรการภาครัฐ
- กทม.: ควรจัดตั้งรางวัลการทำความดี เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารกลางคืนที่สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขรางวัล อาทิ รางวัลร้านสะอาด รางวัลร้านอาหารปลอดภัย ซึ่งร้านสามารถใช้รางวัลดังกล่าวสร้างชื่อเสียง เพิ่มยอดขายได้ต่อไป