วันนี้ (29 เมษายน) น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย อิบรอเฮม หวันแหละ ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หมายเลข 7 เขตประเวศ ลงพื้นที่เขตประเวศ เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการซ่อมระบบบำบัดกลิ่นโรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช หลังพื้นที่ดังกล่าวประชาชนได้ร้องเรียนผ่านผู้สมัคร ส.ก. ของพรรค ถึงผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนความเป็นอยู่ของชาวบ้าน มีผู้ได้รับผลกระทบหลายหมู่บ้าน รัศมีหลายกิโลเมตร
น.ต. ศิธาระบุว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้สั่งพักใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตาม Code of Practice: CoP แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าการดำเนินการของโรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้จะยุติตามคำสั่งของ กกพ. หรือไม่ โดยเฉพาะความกังวลของประชาชนในพื้นที่ที่มองว่าโรงไฟฟ้าขยะอาจปรับเปลี่ยนให้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่พักขยะก่อนนำส่งไปพื้นที่อื่นๆ หรือนำไปกำจัดที่อื่นต่อไป ซึ่งอาจจะกลายเป็นภาระด้านงบประมาณของ กทม. ที่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวทางของ กทม. ในปัจจุบัน คือการเอาขยะมาทำเป็นพลังงาน โดยตั้งใจให้ขยะประมาณ 10,000-12,000 ตันสามารถทำไฟฟ้าได้ ซึ่งภายใน 2-3 ปีจะรับขยะทำไฟฟ้าได้ประมาณ 9,000-10,000 ตัน เหมือนในเทศญี่ปุ่นหรือไต้หวัน แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้กรุงเทพฯ จำเป็นต้องแยกขยะ
น.ต. ศิธากล่าวว่ามีนโยบายในการแยกขยะและรีไซเคิลเป็นแนวทางหลักเพื่ออนาคตของกรุงเทพฯ ตั้งใจที่จะทำระบบให้ง่ายที่สุดสำหรับคนกรุงเทพฯ ไม่เพียงแค่รีไซเคิล แต่ต้อง Reuse และ Reduce ด้วย ซึ่งนโยบายจะมีแรงจูงใจให้กระบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ โดยการให้รางวัลคนกรุงเทพฯ ที่มาช่วยกันทำตรงนี้จะได้รับ ‘Bangkok Token’ ตอบแทน ซึ่งในอนาคตจะนำมาเป็นส่วนลดค่ากิน ค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางต่างๆ ได้ เป็นวิธีทำให้คนกรุงเทพฯ ลดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอยู่ทุกๆ วัน
ขณะเดียวกัน จะต้องพิจารณาการลดปริมาณขยะ และย้ายพื้นที่เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกในพื้นที่ที่เหมาะสมกว่า รองรับการเพิ่มขึ้นของชุมชนเพราะกังวลว่า ผลกระทบจะอยู่ในระยะยาวหากไม่มีการปรับเปลี่ยน และที่สำคัญจะต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เหมาะสมกับสัดส่วนจำนวนประชากรในเขต ซึ่งจะช่วยลดมลพิษ
