วันนี้ (13 พฤษภาคม) น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 11 ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยระบุว่า ตนมั่นใจในการทำงานและการทำหน้าที่ของตนเอง มั่นใจในนโยบายว่าดีต่อ กทม. เต็มร้อย แต่ผลแพ้ชนะขึ้นกับการตัดสินใจของประชาชน โดยพิจารณาข้อมูลการวิเคราะห์ทางวิชาการและผลโพลต่างๆ ประกอบการประเมิน ยอมรับว่าเปิดตัวช้า เพราะจากผลโพลส่วนใหญ่ประชาชนตัดสินใจไปก่อนมากกว่า 70% จึงหวังคะแนนจากกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกผู้สมัครรายใดราว 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อีกกลุ่มที่ตัดสินใจก่อนที่ตนจะเปิดตัวนั้น อาจเปลี่ยนใจมาเลือกจากนโยบายที่นำเสนอออกมาในช่วงหาเสียง รวมถึงประชาชนที่ศรัทธาและผูกพันจากการทำงานที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคก่อน
น.ต. ศิธายืนยันว่า การเข้ามาทำงานการเมืองสังกัดพรรคไทยสร้างไทยไม่ได้ต้องการทำการเมืองระดับชาติแล้วละทิ้ง กทม. หรือใช้ กทม. เพื่อเป็นฐานในการทำการเมืองระดับชาติ พร้อมย้ำหลักการทำงานหลังจากนี้ ที่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะเป็นแบบใด ตนพร้อมจะทำหน้าที่ต่อไป โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. สิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยและตนตั้งใจจะดำเนินการกับ กทม. ก็จะทำได้ทันที ตนและพรรคจึงใช้แคมเปญว่า จะทำในสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. ไม่เคยทำ คือการแก้ปัญหาแบบคิดต่างเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
- หากไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ผู้ได้รับเลือกตั้งเห็นความสำคัญของนโยบายพรรคไทยสร้างไทย ตนก็พร้อมช่วยเหลือและดำเนินการให้โดยไม่คิดค่าจ้างและรับตำแหน่งใดๆ
- หากตนไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ และกรุงเทพฯ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง พรรคไทยสร้างไทยจะใส่แผนพัฒนากรุงเทพฯ ลงไปในนโยบายระดับชาติเพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากประชาชนเลือก น.ต. ศิธา เท่ากับว่าจะได้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เข้ามาช่วยงานด้วยหรือไม่
น.ต. ศิธากล่าวว่า ตนไม่ได้ปฏิเสธคำพูดดังกล่าวเสียทีเดียว เพราะพรรคไทยสร้างไทยทำงานเป็นทีม แต่ยืนยันว่า ในกรณีที่ตนได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ ทางพรรคไม่มีนโยบายที่จะให้ตำแหน่งหรือหน้าที่บริหาร กทม. กับคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ในช่วงหาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์ถือเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามกฎหมาย รับค่าจ้างรายวัน วันละ 306 บาท ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมย้ำว่าพรรคไทยสร้างไทยทำงานการเมืองระดับชาติ เริ่มที่ กทม. เป็นสนามแรก ในอนาคตทางพรรคจะส่งผู้สมัครลง ส.ส. ให้ครบทุกเขตทั่วประเทศ และคุณหญิงสุดารัตน์คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
