วันนี้ (17 พฤษภาคม) สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 3 กล่าวถึงบรรยากาศวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ระบุว่า วันนี้ตนได้รับเสียงร้องเรียนจากผู้ปกครองและประชาชนชาวกรุงเทพฯ จำนวนมากเกี่ยวกับปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงเรียน หลังจากที่โรงเรียนเริ่มเปิดเทอม On-site ที่เด็กๆ จะต้องไปเรียนที่โรงเรียน ไม่ต้องเรียนที่บ้านแล้ว ทำให้นักเรียน ผู้ปกครอง รวมทั้งผู้ใช้รถและถนนใน กทม. ต้องเสียเวลาในการเดินทางเป็นเวลานาน โดยเรื่องปัญหาการจราจรเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องรีบแก้ไข ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องพยายามทำให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องบรรเทาให้การจราจรไหลลื่นมากขึ้น
สกลธีกล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลพบว่าในกรุงเทพฯ มีรถจดทะเบียน 11 ล้านคัน ไม่รวมรถต่างจังหวัดที่เข้ามาวิ่งในกรุงเทพฯ แต่ถนนในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ไม่มาก หากรถออกมาพร้อมกัน รถต้องติดแน่นอน ดังนั้นต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่ให้คนใช้รถส่วนตัวน้อยลง ซึ่งตามนโยบายของตนก็คือ การเชื่อมต่อระบบ ล้อ-ราง-เรือ ตามนโยบาย ‘สกลธีโมเดล’ ที่ตนได้ศึกษาและเตรียมไว้เพื่อแก้ปัญหานี้ในระยะยาวได้ เพราะนโยบายดังกล่าวจะนำคนเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะทั้ง 3 ระบบได้อย่างไร้รอยต่อในราคาที่เอื้อมถึงได้ ซึ่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีรถไฟฟ้าหลายสายอยู่แล้ว เพียงแต่ระบบสายรองที่เชื่อมต่อเส้นทางจากบ้านไปถึงสถานีจุดหมายยังมีช่องว่างอยู่ ดังนั้นต้องเร่งทำในเรื่องของรถบัสไฟฟ้าที่จะพาให้คนจากชุมชนใหญ่ๆ หมู่บ้านใหญ่ๆ เข้าระบบราง รวมถึงเรื่องเรือในคลองหลักๆ เช่น คลองเปรมประชากร, คลองแสนแสบ, คลองลาดพร้าว และคลองภาษีเจริญ ต้องเร่งดำเนินการให้เชื่อมต่อทั้งหมด
“อีกเรื่องคือระบบสัญญาณไฟจราจรในกรุงเทพฯ ต้องปรับมาใช้ระบบ AI ได้แล้ว เพราะการใช้ระบบการคำนวณจากคอมพิวเตอร์ปล่อยสัญญาณไฟจราจรย่อมจะดีกว่าการใช้มนุษย์ เพราะจะทำให้ระบบสอดคล้องกัน จะทำให้ระบบการปล่อยรถไหลลื่นมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผมเข้าใจและเห็นใจผู้ปกครองและเด็กๆ ในกรุงเทพฯ ที่ต้องใช้เวลาบนท้องถนนมากเกินไป และนอกจากเรื่องของการจราจรแล้ว ในนโยบายของผมก็คือการที่จะเร่งพัฒนาโรงเรียนต่างๆ ในสังกัด กทม. ให้มีคุณภาพเท่าเทียมกัน เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจ ไม่ต้องให้เด็กๆ ออกไปเรียนไกลบ้าน ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมจะเร่งทำเรื่องต่างๆ เหล่านี้ทันทีครับ” สกลธีกล่าว
