×

Bitcoin ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยราคา 2.2 ล้านบาท มาดูวิธีคำนวณว่าเราควรลงทุนใน ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ เป็นจำนวนเงินเท่าไร

10.11.2021
  • LOADING...
Bitcoin

Bitcoin ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 68,000 ดอลลาร์ หรือ 2.2 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการที่มีทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันหลั่งไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง 

 

นอกจากนั้น Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ก็ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลมากกว่า 4,857 ดอลลาร์ หรือ 159,115 บาทไปแล้วเช่นกัน 

 

การเติบโตของเหรียญดิจิทัลต่างๆ ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมเติบโตขึ้น จนตอนนี้มีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 98 ล้านล้านบาทไปแล้ว 

 

ทั้งนี้ นักลงทุนอาจรู้สึกอยากซื้ออยากลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี แต่กลัวว่าจะพลาด และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินต่างๆ ก็ออกมาเตือนว่า คริปโตเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงและผันผวน คุณควรลงทุนในเงินที่คุณสามารถเสียไปได้ทั้งหมด แล้วไม่ทำให้สถานะทางการเงินของคุณสั่นคลอน 

 

“หากจะพิจารณาว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด สิ่งสำคัญคือคุณต้องประเมินสถานะทางการเงินของคุณเองก่อน และตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้แบ่งเงินก้อนที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินชีวิตออกมาก่อนทั้งหมดแล้ว” อัญชลี จาริวาลา นักวางแผนทางการเงิน และผู้ก่อตั้งบริษัทวางแผนการเงิน Fit Advisors กล่าวกับสำนักข่าว CNBC Make It

 

“ถ้าให้ดีคุณควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างสกุลเงินดิจิทัล ก็ต่อเมื่อไม่มีสินทรัพย์อื่นที่น่าสนใจและเสี่ยงน้อยกว่าให้ลงทุนแล้ว และคุณยังมีกระแสเงินสดเหลืออยู่” เธอกล่าว

 

ซึ่งแต่ละคนมีสัดส่วนการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีที่เหมาะสมแตกต่างกัน โดยจาริวาลาแนะนำให้จัดงบแบ่งสัดส่วนเงินประมาณ 4 รายการหลักๆ ที่จะกล่าวต่อไปนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน 

 

‘หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง’

 

สิ่งสำคัญอันดับแรกของคุณคือ การสำรองเงินมาจ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จาริวาลากล่าว หากปล่อยค้างชำระไว้ หนี้จะมีการทบต้น และอาจกลายเป็นเรื่องยากทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ในการชำระหนี้

 

ปัจจุบันในสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 16% และแม้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากจะลดวงเงินบัตรเครดิตของตนลงในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ แต่ยอดวงเงินเฉลี่ยก็ยังคงอยู่ที่ 5,525 ดอลลาร์ หรือราว 180,000 บาท (ข้อมูลจาก Experian) 

 

‘การเกษียณ’

 

ขณะที่คุณกำลังชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ให้พิจารณาแผนการสะสมเงินระยะยาวอย่าง 401(k) กับนายจ้างของคุณ 401(k) คือแผนการเงินที่อนุมัติโดยกรมสรรพากรสหรัฐฯ หรือ IRS เพื่อช่วยลูกจ้างสะสมเงินสำหรับเกษียณ และยังมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างการลดหย่อนภาษีอีกด้วย) อย่างในประเทศไทยเองก็มีกองทุนที่คล้ายๆ กันคือ RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพื่อสะสมเงินไว้สำหรับเกษียณ และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน

 

‘กองทุนฉุกเฉิน’

 

หลังจากที่คุณจัดการกับหนี้และกำลังออมเงินเพื่อการเกษียณแล้ว คุณควรมีกองทุนฉุกเฉินของคุณไว้ด้วยหากคุณยังไม่มี โดยกองทุนฉุกเฉินนี้ควรเก็บเป็นจำนวนเงินที่ทำให้คุณใช้ชีวิตอยู่ได้ไปอีก 3-6 เดือน (แล้วแต่บุคคล) หากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือคุณตกงาน คุณก็สามารถวางแผนและใช้ชีวิตอยู่ไปได้อีก 3-6 เดือน ซึ่งกองทุนฉุกเฉินสามารถคำนวณได้จากค่าจ่ายต่างๆ อย่าง ค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าประกัน และอื่นๆ ที่จำเป็น และคูณด้วยจำนวนเดือนเข้าไป

 

‘เบ็ดเตล็ด’

 

เมื่อคุณแบ่งเงินไว้จัดการส่วนที่สำคัญข้างต้นเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ให้ตรวจสอบการเงินของคุณ และพิจารณาอีกทีว่ามีส่วนไหนที่ต้องการเงินทุนอีกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนการศึกษาสำหรับเด็ก เงินดาวน์สำหรับบ้านใหม่ การปรับปรุงบ้าน และอื่นๆ

 

“สิ่งสำคัญคือคุณต้องวางแผน ไม่ใช่แค่ในปีที่จะมาถึง แต่ต้องวางแผนระยะยาวในอีก 3-5 ปีข้างหน้าด้วย” เธอกล่าว

 

หลังจากจัดสรรรายได้ของคุณไว้ใน 4 ส่วนหลักๆ ข้างต้นแล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ณ ปัจจุบันแล้ว คุณสามารถนำกระแสเงินสดที่เหลืออยู่ไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่างคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X