กระแสความตื่นตระหนกในตลาดการเงินโลกเริ่มส่งผลกระทบถึงวงการสกุลเงินดิจิทัลแล้ว หลังจาก Bitcoin ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงสู่ระดับต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของ Donald Trump ประธานาธิบดี ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้าโลก
ล่าสุดราคา Bitcoin ดิ่งลง 6% มาอยู่ที่ 77,730.03 ดอลลาร์ ตามรายงานของ Coin Metrics ซึ่งนับเป็นการทิ้งดิ่งจากจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนมกราคมถึง 28% แม้ว่าก่อนหน้านี้ราคาจะยืนเหนือระดับ 80,000 ดอลลาร์มาเกือบตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงผันผวนสั้นๆ ไม่กี่ครั้ง
ที่น่าสนใจคือในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดหุ้นจะดิ่งหนัก แต่ Bitcoin กลับแสดงความแข็งแกร่งโดยรักษาระดับราคาไว้ได้ระหว่าง 82,000-83,000 ดอลลาร์ และยังปิดสัปดาห์ด้วยแนวโน้มบวกในขณะที่ทั้งตลาดหุ้นและทองคำต่างร่วงลง สวนทางกับธรรมชาติที่มักเคลื่อนไหวคล้ายหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และถูกมองว่าเป็น ‘สัญญาณเตือนล่วงหน้า’ ของความรู้สึกตลาด
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินคริปโตอื่นๆ ไม่ได้โชคดีเท่า โดย Ether และโทเค็นของ Solana ต่างทรุดหนักถึงประมาณ 12% ในช่วงข้ามคืน
การร่วงลงของ Bitcoin ครั้งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดคลื่นการ ‘ล้างพอร์ต’ ของนักลงทุนที่เดิมพันว่าราคาจะสูงขึ้น โดยพวกเขาถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ของตัวเองเพื่อนำเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดทุน
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการล้างพอร์ตของนักลงทุน Bitcoin ที่เดิมพันขาขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Ether ก็มีการล้างพอร์ตในลักษณะเดียวกันเป็นมูลค่า 217 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน อ้างอิงจากข้อมูลของ CoinGlass
ความกังวลเรื่องนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของ Trump ที่ครอบคลุมทั้งภาษีทั่วไปสำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดและภาษีพิเศษสำหรับคู่ค้ารายใหญ่ ได้จุดชนวนความหวาดกลัวเรื่องสงครามการค้าที่อาจลุกลามเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท รวมถึงเหรียญคริปโตที่ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสุดสัปดาห์
ผลกระทบจากประกาศมาตรการภาษีรุนแรงถึงขนาดทำให้มูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกหายไปถึง 7.46 ล้านล้านดอลลาร์เพียงแค่สองวันทำการ โดยแบ่งเป็นการสูญเสียในตลาดหุ้นสหรัฐฯ 5.87 ล้านล้านดอลลาร์ และในตลาดหลักทั่วโลกอื่นๆ อีก 1.59 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก S&P Dow Jones Indices
ปัจจุบัน Bitcoin ติดลบ 15% ในปี 2025 และหากไม่มีปัจจัยหนุนเฉพาะสำหรับวงการคริปโตเกิดขึ้น คาดว่าราชาแห่งคริปโตนี้จะยังคงเคลื่อนไหวไปพร้อมกับตลาดหุ้น ขณะที่ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้บดบังความคาดหวังเชิงบวกจากการผ่อนคลายกฎระเบียบที่วงการคริปโตเคยหวังว่าจะได้รับในปีนี้
อ้างอิง: