×

บิล เกตส์ แซง เจฟฟ์ เบโซส์ ขึ้นแท่นเศรษฐีรวยสุดในโลก มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.1 แสนล้านดอลลาร์ เจ้าสัวเจริญรั้งอันดับ 54

18.11.2019
  • LOADING...
Bill Gates

บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยี Microsoft วัย 64 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นอภิมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกแซงหน้า เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอบริษัท Amazon แล้ว ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในครอบครองมากกว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.32 ล้านล้านบาท

 

จากการเปิดเผยของดัชนีเศรษฐีโดย Bloomberg เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ พบว่า บิล เกตส์ ได้แซงหน้า เจฟฟ์ เบโซส์ ที่มีทรัพย์สินราว 1.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.3 ล้านล้านบาท ขึ้นเป็นบุคคลที่ครอบครองทรัพย์สินมากที่สุดในโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมามีการเปิดเผยว่า Amazon มีกำไรในช่วงไตรมาส 3/19 ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 28%

 

เช่นเดียวกัน สาเหตุที่ทำให้ บิล เกตส์ กลับขึ้นมายึดบัลลังก์อภิมหาเศรษฐีโลกได้เป็นผลมาจากความสำเร็จของบริษัท Microsoft ที่ในช่วงปีนี้มูลค่าหุ้นของบริษัท (MSFT) ดีดตัวสูงขึ้นกว่า 48% เลยทีเดียว โดยให้ความสำคัญกับการปั้นธุรกิจคลาวด์เป็นหลัก โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งจะเอาชนะ Amazon ในการประมูลสัญญา Cloud Computing กับเพนตากอนด้วยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปหมาดๆ

 

ส่วนอันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจพบว่า ‘เจ้าสัวเจริญ’ เจริญ สิริวัฒนภักดี (ไทยเบฟเวอเรจ, ทีซีซี กรุ๊ป ฯลฯ) เป็นเศรษฐีสัญชาติไทยที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากที่สุดนำเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และอยู่ในอันดับ 54 ของลิสต์ Bloomberg Billionaires Index ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในครอบครองมากกว่า 19,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.95 แสนล้านบาท

 

รองลงมาเป็น สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Gulf ที่รั้งอยู่ในอันดับ 185 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในครอบครองกว่า 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.63 แสนล้านบาท ขณะที่อันดับอื่นๆ ของเศรษฐีไทยที่ติดเข้ามาอยู่ในลิสต์ 500 อันดับ Bloomberg Billionaires Index อีก 4 อันดับล้วนแล้วแต่เป็นคนจากตระกูลเจียรวนนท์ (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ทั้งสิ้น

 

หมายเหตุ: การจัดอันดับ Bloomberg Billionaires Index มาจากเว็บไซต์ Bloomberg และนับข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2019

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising