บรูโน แฟร์นันด์ส กับคำครหาเรื่อง ‘Big Six’ และบทพิสูจน์สำคัญในเกม ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี’

ตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษที่ผ่านมา บรูโน แฟร์นันด์ส คือนักเตะที่ถือเป็นการซื้อที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย

จากทีมที่เต็มไปด้วยปัญหา เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สตาร์โปรตุเกสเข้ามาร่วมทัพ พวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นทีมที่ดีขึ้นในทุกจุดอย่างเห็นได้ชัด จนในวันนี้มหาอำนาจอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางพรีเมียร์ลีก

สิ่งที่น่าเสียดายคือผลงานในระยะหลังของทีมที่เริ่มดรอปลงไป ส่งผลให้ระยะห่างกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานี้อยู่ห่างกันถึง 14 แต้ม เรื่องโอกาสจะไล่ตามได้ทันในช่วง 11 นัดที่เหลือของฤดูกาลนั้นเป็นสิ่งที่พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นไปได้ยาก

แต่อย่างน้อยที่สุดทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะได้โอกาสสำคัญในเกม ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี’ ที่จะพบกับคู่ปรับร่วมเมือง เพื่อนบ้านที่เสียงชักจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลายเป็น ‘ขาใหญ่’ แทนที่ของพวกเขาไปแล้ว

และเกมนี้ก็เป็นโอกาสสำหรับแฟร์นันด์สด้วยเช่นกันที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อคำครหาที่เขาเผชิญอยู่

“แฟร์นันด์สก็เก่งแค่กับทีมเล็ก แต่เจอทีมใหญ่ก็ไปไม่เป็น”

คำพูดนี้ดูจะเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจของนักเตะรายนี้ไม่น้อย จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่มีการตอบโต้ประเด็นนี้อย่างเผ็ดร้อน

“ผมไม่รู้ว่านิยามของคำว่า Top 6 ในตารางของคนอื่นเขาหมายถึงอะไร เพราะทีมก็อยู่ใน 6 อันดับแรกของตาราง” แฟร์นันด์สกล่าว “ผมยิงและแอสซิสต์ได้ในเกมเหล่านี้ ในฤดูกาลนี้ผมก็ยิงท็อตแนมได้ แต่คนก็พูดกันอีกว่าจุดโทษไม่นับ!

“ผมรู้ว่าทุกคนคาดหวังว่าแฟร์นันด์สจะยิงหรือจ่ายได้ทุกนัด เพราะตอนที่ผมย้ายมา ผมเล่นได้ค่อนข้างดี ถ้าดูสถิติตัวเลขแล้ว ทุกคนคิดว่าผมต้องยิงหรือจ่ายทุกนัด

“ผมเองก็อยากทำให้ได้แบบนั้น เพราะนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ในฐานะผู้เล่น ผมไม่ได้มาสนใจกับคำว่า Big Six หรืออื่นๆ ในลีก ผมมองทุกเกมเหมือนกันหมด และผมคิดว่าในลีกเราไม่ได้แข่งวิ่งระยะสั้น แต่มันคือการวิ่งในระยะยาว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องยิงในเกมกับ Big Six อะไรหรอก แต่เราต้องยิงทุกทีมให้ได้”

แฟร์นันด์สยังยกตัวอย่างเรื่องฟอร์มการเล่นในสนามที่บางครั้งก็ถูกตัดสินแบบไม่มีมาตรฐานนัก เช่น ในเกมกับทีม Big Six บางนัด คนวิจารณ์ว่าเขาเสียบอลเยอะเกินไปและทำให้ทีมแพ้ แต่ในเกมกับบาซัคเซเฮียร์ (ยูโรปาลีก) เขาก็เสียบอลแบบเดียวกันนี่แหละ แต่ยิงได้ 2 ประตู คนก็แซ่ซ้องว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในเกมวันนั้น

ประเด็นมันอยู่ตรงไหน? ดาวเตะจอมศิลปินไม่เข้าใจ

อย่างไรก็ดี ไม่แปลกที่ผู้คนจะคาดหวังในตัวของแฟร์นันด์สมากกว่าใคร เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาเป็นขุนพลปีศาจแดง เขาคือคนที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทีม เป็นตัวละครเอกที่แฟนๆ ฝากความหวังมากที่สุด และแน่นอนว่าแฟนๆ ย่อมอยากเห็นเขาร่ายผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับคู่ปรับระดับท็อป

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 10 นัดที่เขาลงเล่นในทีมกลุ่ม Big Six (ซึ่งหมายถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และท็อตแนม ฮอตสเปอร์) เขาทำได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น

นับเฉพาะในฤดูกาลนี้ เขาลงเล่นเจอ Big Six (+ เลสเตอร์ ซิตี้) ไป 7 นัด และทำได้แค่ 1 ประตู (กับสเปอร์ส) โดยไม่มีแอสซิสต์เลย และทีมก็ไม่ชนะด้วยแม้แต่เกมเดียว โดยที่ Sky Sports ระบุว่าผลงานในการเล่นของเขาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4 คะแนนเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมาก

ตัวเลขนี้ช่างแตกต่างจากผลงานในการเจอทีมนอกกลุ่มดังกล่าว ซึ่งเขาทำไปถึง 28 ประตูจากการเล่น 43 นัด

ดังนั้นในยามที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มออกอาการหนืด เช่นเดียวกับตัวของแฟร์นันด์สเองที่เริ่มดูมีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด การต้องเจอกับคู่แข่งที่โหดที่สุดอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเก็บชัยชนะรวดติดต่อกันทุกรายการมา 21 นัด เป็นชัยชนะในพรีเมียร์ลีก 15 นัด และไม่แพ้ใครติดต่อกันมา 28 นัด แง่หนึ่งก็เป็นเกมที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

แต่อีกแง่หนึ่งก็อาจเป็นเวทีให้เขาได้พิสูจน์ความเป็นยอดนักเตะของตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะนักเตะผู้ยิ่งใหญ่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองในเกมแบบนี้

จริงอยู่ที่ซิตี้อาจจะมีทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเดน, ริยาด มาห์เรซ ซึ่งกำลังเข้าฝักทุกคน แต่ถ้าหาก บรูโน แฟร์นันด์ส จะงัดอภินิหารออกมาในเกมนี้เพื่อหยุดสถิติของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ

นอกจากจะไม่มีใครสงสัยในตัวเขาอีก ทั่วทั้งอังกฤษอาจจะรู้สึกขอบคุณเขาในฐานะที่ช่วยหยุดความอหังการของเรือใบสีฟ้าที่โลดแล่นไม่สนใจใครด้วย

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: