×

ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง

22.12.2025
  • LOADING...
ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง

THE STANDARD WEALTH ชวนย้อนรอยการเคลื่อนไหวของบริษัทยักษ์ใหญ่ไทยที่เลือกใช้กลยุทธ์เข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) หรือร่วมทุนกับผู้เล่นรายเล็กในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยแรงกดดันรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีกในปี 2568 จากปัจจัยซ้ำเติมอย่างภัยพิบัติ และสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองจากการประกาศยุบสภา

 

อย่างไรก็ตาม แม้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะเปราะบางเพียงใด ภาคเอกชนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ยังคงต้องเดินหน้าปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่หลายองค์กร เลือกใช้คือการแสวงหาโอกาสเติบโตระยะยาวผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ การเข้าถือหุ้น หรือการควบรวมกิจการกับธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีดีมานด์ เติบโต เช่น อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ความงาม ไปจนถึงธุรกิจคอนเทนต์และบันเทิง ซึ่งหลายดีลไม่เพียงช่วยเสริมรายได้ แต่ยังสะท้อนทิศทางการแข่งขันและโครงสร้างธุรกิจไทยในอนาคต

 

หากไล่เรียงตั้งแต่ปี 2021 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เริ่มต้นเกมรุกด้วยการเข้าลงทุนในร้านอาหารสุขภาพชื่อดัง ‘โอ้กะจู๋’ ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ OR โดยเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 20% ร่วมกับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด กลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของ OR ในการต่อยอด Ecosystem นอกเหนือจากธุรกิจน้ำมัน ด้วยการผสานร้านอาหารเข้ากับสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวมถึงการพัฒนาโมเดล Grab & Go ผ่าน Café Amazon ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ ปัจจุบันโอ้กะจู๋มีสาขาทั้งหมด 41 แห่ง และยังถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกจับตาในแง่การขยายตัวอย่างยั่งยืน

 

ต่อมาในปี 2022 เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าซื้อหุ้น 30% ในธุรกิจร้านอาหาร ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ภายใต้บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองต์ กรุ๊ป ด้วยมูลค่าการลงทุนราว 1.2 พันล้านบาท ดีลนี้ถูกมองว่าเป็นการกระจายพอร์ตจากธุรกิจการเงินและเทคโนโลยีของเจมาร์ท สู่ธุรกิจ Consumer ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ โดยสุกี้ตี๋น้อยถูกวางบทบาทให้เป็นหนึ่งในเครื่องจักรทำกำไรหลักของกลุ่ม พร้อมเป้าหมายการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ปัจจุบันสุกี้ตี๋น้อยมีสาขากว่า 90 แห่ง และยังมีแผนเร่งขยายสาขาเพิ่มเติมในปี 2569

 

ขณะที่ฝั่งธุรกิจความงาม การเคลื่อนไหวของ Karmarts Public Company Limited (KAMART) ในปี 2025 ก็สะท้อนภาพการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อย่างชัดเจน หลังเข้าซื้อหุ้น 30% ในบริษัท โฟร์ยูทู โค จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางไทย ‘4U2’ โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อผสานความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และเครือข่ายจัดจำหน่ายของ KAMART เข้ากับพลังแบรนด์ของ 4U2 เพื่อขยายตลาดทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดความงาม

 

ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น วงการเพลงไทยเองก็เผชิญการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ ในปี 2024 GMM Music ภายใต้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) ประกาศรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Tencent Music Entertainment Group และ Tencent Holdings Limited ในสัดส่วน 10% คิดเป็นมูลค่าบริษัทประมาณ 25,700 ล้านบาท ผ่านการแลกเปลี่ยนเงินสดและหุ้นของ JOOX Thailand ดีลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปูทางสู่แผน Spin-Off และการผลักดัน ‘New Music Economy’ ของไทย ผ่านการเข้าถึงแพลตฟอร์ม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ระดับโลก เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงในอนาคต

 

ล่าสุดในปี 2025 เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) ได้ตอกย้ำกลยุทธ์เสริมพอร์ตด้วยการเข้าถือหุ้น 40% ในบริษัท มิราเคิล แพลนเนท (MP) ผู้บริหารแบรนด์ ‘ลัคกี้ สุกี้’ และ ‘ลัคกี้ บาร์บีคิว’ ด้วยมูลค่าลงทุนราว 940 ล้านบาท ดีลดังกล่าวถือเป็นจิ๊กซอว์ที่ CRG ตามหามานานกว่า 2 ปี เพื่อเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอร้านอาหารให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมตั้งเป้าเร่งขยายสาขาปีละกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ในเครือเซ็นทรัล และมุ่งสู่เป้าหมาย 100 สาขาภายใน 3 ปี โดยอาศัยจุดแข็งด้าน Data Analytics ของพันธมิตรในการคัดเลือกทำเล เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

เมื่อพิจารณาภาพรวม ดีลซื้อ-ควบรวมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อการเติบโตในระยะสั้นเท่านั้น แต่สะท้อนถึงการวางหมากเชิงกลยุทธ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ไทย ที่ต้องการสร้างฐานรายได้ใหม่ กระจายความเสี่ยง และเสริมความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ท่ามกลางโลกธุรกิจที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ และการจับมือกับพันธมิตรที่ใช่ อาจเป็นคำตอบสำคัญของการอยู่รอดในยุคต่อไป

 

ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 1ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 2ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 3ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 4ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 5ย้อนรอยบริษัทยักษ์หันใช้เกมลัด ‘ดีลซื้อ-ควบรวม’ รายเล็ก แทนการสร้างเอง ฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจเปราะบาง 6

 

ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising