วันศุกร์ที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประกาศสร้างศูนย์ข้อมูล ‘Big Data’ เชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐข้ามกระทรวงเพื่อตอบโจทย์ 3 ด้านหลัก ทั้งสาธารณสุข การท่องเที่ยว และอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเชื่อว่าอีก 2 เดือนจะพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการและใช้งานได้จริง ชูนโยบายเปิดข้อมูลภาครัฐเพื่อประโยชน์เชิงธุรกิจและสังคม ตอบโจทย์ความต้องการข้อมูลของกลุ่มสตาร์ทอัพ
จากการเปิดเผยของกระทรวงดิจิทัลฯ ระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ทุกกระทรวงร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลฯ แต่งตั้ง ‘คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing)’ ขึ้น โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมปลัดกระทรวงอีก 19 กระทรวง และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ ส่วนกระทรวงดิจิทัลฯ รับหน้าที่เป็นเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ กำหนดโจทย์ที่มีความสำคัญเร่งด่วน ติดตามการดำเนินการบูรณาการฐานข้อมูล และแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่จะเริ่มต้นที่ข้อมูลใน 3 ด้านหลักคือ ด้านสาธารณสุข ด้านการท่องเที่ยว และด้านอุตุนิยมวิทยา เพื่อ ‘ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ’ และ ‘รับมือภัยธรรมชาติ’ ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐข้ามหน่วยงานอย่างบูรณาการเพื่อให้เห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 2 เดือนนับจากนี้
ประโยชน์ของการเชื่อมฐานข้อมูลทั้ง 3 ด้านคือ การใช้ข้อมูลมาอธิบายปัญหาหรือปรากฏการณ์ (Descriptive Analytics), พยากรณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (Predictive Analytics) ตลอดจนวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงผลลัพธ์เรื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (Prescriptive Analytics) เพื่อปรับตัวสร้างวิธีการรับมือได้ทันการ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ‘การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)’ ว่า
“หลักการสำคัญในนโยบายและการขับเคลื่อน Big Data โดยทุกกระทรวง ทบวง กรม สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและผลการวิเคราะห์สร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ คือผลการดำเนินการของ Big Data เป็นลักษณะ Working Group จัดทำให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน โดยต้องจัดทำกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Analytics) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2561 มีเป้าหมายสร้างความชัดเจนให้ทุกกระทรวง และระบุเจาะจง Big Data ของหน่วยงานนั้นๆ
“โดยเริ่มจากหน่วยงานที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งจะต้องจัดระบบ Data Center และระบบ Cloud Service ภาครัฐที่จะสามารถบูรณาการข้อมูลข้ามกระทรวงกันได้ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ในกระทรวงเองด้วย เพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพจากการใช้ข้อมูลพร้อมข้อเท็จจริงในการลดความซ้ำซ้อน ประหยัดงบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการในลักษณะต่างๆ พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบและประเมินผลได้ เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม”
นอกจากนี้ หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐยังมีนโยบายเปิดเผยข้อมูลภาครัฐที่ไม่ใช่ความลับและข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์นาทีต่อนาที ซึ่งหน่วยงาน องค์กร บริษัท กลุ่มสตาร์ทอัพ หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อไปได้
อ้างอิง:
