×

บทสรุป 4 ปีของไบเดน เมื่อเงินเฟ้อบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง

19.01.2025
  • LOADING...
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ถ่ายโดย Elizabeth Frantz สำนักข่าว Reuter

ประธานาธิบดีคนที่กำลังจะหมดวาระลงอย่าง โจ ไบเดน นั้นถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ไม่ได้รับความนิยมเอาเสียเลย เขามีคะแนนนิยมอยู่ที่ราวๆ 37% เท่านั้นหลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 4 ปี ซึ่งเป็นคะแนนนิยมที่ต่ำกว่า จอร์จ บุช ผู้ลูกผู้มีปัญหาจากกรณีวิกฤตเศรษฐกิจ (Subprime Crisis) ในปี 2008 หรือประธานาธิบดีผู้อื้อฉาวอย่าง ริชาร์ด นิกสัน ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งเพราะวิกฤตการณ์วอเตอร์เกตเสียอีก

 

ว่ากันตามจริง ไบเดนประสบความสำเร็จพอสมควรในการผลักดันกฎหมายและนโยบายต่างๆ ที่เขาเคยได้หาเสียงไว้ในปี 2020 แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานของเขาถูกบดบังด้วยปัญหาเงินเฟ้อและภาพของการเป็นชายชราที่ทำให้ชาวอเมริกันมองว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ไร้ประสิทธิภาพจนเป็นเหตุให้คะแนนนิยมของเขาตกต่ำลง จนเขาต้องให้ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีแทน แต่ความเสื่อมความนิยมของเขาก็เป็นจุดหลักที่ทรัมป์เอามาโจมตีแฮร์ริสอย่างหนัก ทำให้แฮร์ริสหาเสียงได้ยากลำบากและแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในที่สุด

 

American Rescue Plan Act และ Bipartisan Infrastructure Bill

ช่วงครึ่งเทอมแรกของการดำรงตำแหน่งนั้น ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ไบเดนสร้างผลงานได้ดีที่สุด เพราะเขาสามารถจัดการกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดได้ดีด้วยการผ่านกฎหมายที่ชื่อ American Rescue Plan Act ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปใช้กับการผลิตและแจกจ่ายวัคซีนกว่า 500 ล้านโดส ใช้เป็นเงินกู้ยืมฉุกเฉินสำหรับธุรกิจต่างๆ รวมถึงใช้แจกเป็นเช็คโดยตรงแก่ชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อย นอกจากนั้นเขายังสามารถผ่านกฎหมายลงทุนกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Bill) มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงถนน สะพาน ระบบราง ไฟฟ้า และระบบการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลงในช่วงล็อกดาวน์ในสมัยของทรัมป์

 

กฎหมายสองฉบับนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นที่ดีที่สุดของไบเดน เพราะมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ

 

แต่ผลข้างเคียงคือเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม การอัดฉีดเงินเข้าระบบอย่างมหาศาลย่อมมีผลข้างเคียงที่ตามมาอย่างเงินเฟ้อ ประกอบกับปัญหาของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดภาวะชะงักงันจากการระบาดของโควิดเอง ทำให้เกิดปัญหาภาวะข้าวยากหมากแพง ซึ่งชาวอเมริกันมองว่าทำเนียบขาวของไบเดนไม่มีน้ำยาเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหานี้ ประกอบกับภาพของไบเดนที่ออกมาในสื่อที่ดูสับสน พูดจากความวกวนและดูอ่อนแอ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงภาพของรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้คะแนนนิยมของเขาที่เคยขึ้นสูงในช่วงแรกตกต่ำลง และไม่เคยเพิ่มขึ้นอีกเลย

 

ซึ่งทางไบเดนและทีมงานก็ได้พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อนี้ด้วยการผลักดันกฎหมายที่มีชื่อว่า Inflation Reduction Act ผ่านสภาในช่วงกลางปี 2022 ซึ่งจุดประสงค์หลักของกฎหมาย Inflation Reduction Act คือการพยายามลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง (เพื่อไปลดเงินเฟ้ออีกที) ผ่านการขึ้นภาษีนิติบุคคล การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ลดรายจ่ายของโครงการประกันสุขภาพของผู้สูงอายุโดยรัฐบาล (Medicare) ด้วยการอนุญาตให้รัฐบาลเจรจาต่อรองขอลดราคายาจากบริษัทยาได้ รวมไปถึงการลงทุนกับพลังงานสะอาดเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ

 

ว่ากันตามจริง Inflation Reduction Act นั้นก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้วอัตราเงินเฟ้อก็ลงมาต่ำกว่า 2% จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เป็นครั้งแรกในปี 2024 แต่ชาวอเมริกันก็ยังมองว่าไบเดนใช้เวลานานเกินไปกว่าที่เขาจะสามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้เป็นผลสำเร็จ

 

เลือกตั้งกลางเทอม 2022

อีกจุดพลิกผันในช่วงการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของไบเดนคือการที่พรรคเดโมแครตของเขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทำให้พวกเขาเสียที่นั่งข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจนทำให้ไบเดนไม่สามารถผลักดันกฎหมายใหญ่ๆ ได้อีกเลยในช่วงครึ่งเทอมหลังของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ภาพของการเป็นผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพยิ่งชัดมากขึ้นไปอีก ในปี 2023 ไบเดนพยายามจะใช้อำนาจของประธานาธิบดี (Executive Order) ในการผลักดันสัญญาประชาคมของเขาเรื่องการปลดหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (Student Loan) ทดแทนการผ่านกฎหมายในรัฐสภา แต่ก็ถูกศาลสูงสุด (Supreme Court) ตัดสินว่าการใช้อำนาจประธานาธิบดีนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญในช่วงกลางปี ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นประธานาธิบดีที่ด้อยสมรรถภาพนั้นยิ่งชัดไปอีก

 

ฮันเตอร์ ไบเดน

ถึงแม้ว่าไบเดนจะถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพ แต่อย่างน้อยตลอดวาระ 4 ปีที่ผ่านมาเขาก็ยังถูกมองว่าเป็นคนดีที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและเคารพต่อกฎหมาย ในช่วงต้นปี 2024 ที่เขายังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดี เขาพยายามใช้ภาพลักษณ์นี้ต่อสู้กับทรัมป์ โดยที่โจมตีทรัมป์ว่าเป็นบุคคลอันตรายที่พยายามบิดเบือนกฎหมายและระบบยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไบเดนเคยให้สัญญากับประชาชนว่าไม่มีทางให้อภัยโทษแก่ ฮันเตอร์ ไบเดน เพราะเขาเป็นคนเคารพหลักการและกฎหมายของบ้านเมือง (ไม่เหมือนกับทรัมป์)

 

แต่ในที่สุด หลังการเลือกตั้งจบลงด้วยชัยชนะของทรัมป์ ไบเดนก็ได้ตระบัดสัตย์และประกาศให้อภัยโทษแก่ลูกชายของตัวเอง ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีอันเดียวที่ยังเหลือของเขาจบลง และการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้น่าจะทำให้ที่ทางของเขาในประวัติศาสตร์ถูกจดจำในฐานะประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา

 

ภาพ: Elizabeth Frantz / Reuters

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising