Renaissance World Tour ของ Beyoncé ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่สนามกีฬา Friends Arena กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เป็นที่แรกในโลก ซึ่งนับว่าเป็นเวิลด์ทัวร์เดี่ยวในรอบเกือบ 7 ปี นับตั้งแต่ทัวร์ The Formation World Tour ของอัลบั้ม Lemonade เมื่อปี 2016
สำหรับความยาวทัวร์ระดับโลกครั้งนี้ Beyoncé ทำการแสดงทั้งหมดรวมกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งนอกจากจะโฟกัสไปที่ผลงานอัลบั้ม Renaissance ที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่เพลง I’m That Girl, Cuff It, Alien Superstar, Break My Soul แทรกด้วยเพลงจากอัลบั้มก่อนๆ อย่าง Formation, Crazy In Love, Run the World (Girls), Love On Top และ Drunk in Love เวอร์ชันเดียวกับที่เธอแสดงที่งานเปิดโรงแรม Atlantis The Royal ที่ดูไบเมื่อต้นปี
ความพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ตลอดโชว์คือเธอได้แซมเปิลเพลงของศิลปินคนอื่นๆ เข้าไปในการแสดง เช่นเพลง Toxic ของ Britney Spears ในเพลง THIQUE และเพลง Just Wanna Rock ของ Lil Uzi Vert ในเพลง Diva ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเซ็ตดีเจมิกซ์เพลงในไนต์คลับ
ด้านโปรดักชันถือว่ามีพร็อพและอุปกรณ์เสริมมากกว่าทัวร์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นแขนหุ่นยนต์ในเพลง Cozy เปลือกหอยในเพลง Virgo’s Groove และขี่หุ่นม้าสีเงินเหมือนในปกอัลบั้มในเพลงปิดโชว์อย่าง Summer Renaissance ซึ่งก็เป็นแทร็กสุดท้ายของอัลบั้มเช่นกัน
และอีกหนึ่งสีสันของโชว์คือชุดที่เธอใส่ขึ้นแสดงที่มีตั้งแต่แบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Balmain โดย Olivier Rousteing ดีไซเนอร์คนสนิทที่ทั้งสองเพิ่งออกคอลเล็กชันกูตูร์ร่วมกัน, Loewe ของ Jonathan Anderson ก็มาถึงสองลุค และชุดเกาะอกผึ้งจาก Mugler โดย Casey Cadwallader ที่สั่งทำพิเศษและออกแบบจากผลงานต้นฉบับของ Manfred Thierry Mugler รวมไปถึงแบรนด์ดีไซเนอร์หน้าใหม่อย่าง Anrealage จากญี่ปุ่นที่เป็นชุดเปลี่ยนสีตามแสง UV และ David Koma กับ Courrèges ในชุดบอดี้สูต
Beyoncé จะแสดงทัวร์ Renaissance ในฝั่งยุโรปต่อไปจนถึงเดือนกรกฎาคมที่เมืองใหญ่ๆ อย่างลอนดอนและปารีส ก่อนจะเข้าอเมริกาเหนือที่เมืองโทรอนโต แคนาดา เป็นที่แรก
ภาพ: Getty Images
