×

BCP – 1Q66 กำไรสุทธิดีกว่าคาด

11.05.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม (ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจการตลาด และธุรกิจ E&P) ขาดทุนสินค้าคงเหลือที่ลดลงที่ 1.9 พันล้านบาท เทียบกับ 3.8 ล้านบาทใน 4Q65 ก็ช่วยหนุนให้กำไรปรับตัวดีขึ้น QoQ ด้วยเช่นกัน แม้ว่ายังแย่กว่า 1Q65 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ BCP บันทึกกำไรสินค้าคงเหลือจำนวนมากถึง 3.6 พันล้านบาทค่อนข้างมาก กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติใน 1Q66 เพิ่มขึ้น 29%QoQ สู่ 2.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น >200%YoY)

 

ใน 1Q66 BCP ยังคงเพิ่มอัตราการผลิตอย่างต่อเนื่อง สู่ระดับที่ทำสถิติสูงสุดที่ 124.7 kbd (104% ของกำลังการผลิตติดตั้ง) เพื่อสนับสนุนธุรกิจการตลาด EBITDA สำหรับธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น 83%QoQ และขาดทุนสินค้าคงเหลือลดลง QoQ แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานลดลงจาก 14.68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 4Q65 สู่ 11.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 1Q66 โดยมีสาเหตุมาจาก Crack Spread ที่ลดลงสำหรับน้ำมันดีเซล (52% ของผลผลิตทั้งหมด) 

 

ค่าการกลั่นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 53%QoQ จาก 6.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 4Q65 สู่ 10.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 1Q66 ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันคิดเป็น 39% ของ EBITDA ใน 1Q66 เพิ่มขึ้นจากเพียง 32% ใน 4Q65

 

ด้านกำไรของธุรกิจการตลาดเพิ่มขึ้น QoQ เพราะค่าการตลาดสูงขึ้น แม้ปริมาณการขายลดลง 6%QoQ หลังทำจุดสูงสุดใหม่ใน 4Q65 แต่กำไรจากธุรกิจการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า QoQ จาก 4Q65 เนื่องจากค่าการตลาดสุทธิเพิ่มขึ้น 16%QoQ สู่ 0.79 บาทต่อลิตร เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 

 

นอกจากนี้ BCP ยังได้รับประโยชน์จากปริมาณการขายน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะมี Lag Time ในการปรับราคาในช่วงที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง

 

กำไรจากธุรกิจ E&P (OKEA) เพิ่มขึ้น 44%QoQ ใน 1Q66 โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว QoQ จากการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic ซึ่งสามารถชดเชยราคาน้ำมันที่ลดลง (ลดลง 18%QoQ) ได้ 

 

สัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ E&P ยังอยู่ในระดับสูงที่ 45% ใน 1Q66 เพิ่มขึ้นจาก 39% ในปี 2565

 

ส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าลดลงจาก 14% ของ EBITDA สู่ 8% เนื่องจากกำไรลดลง 15%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากยอดขายไฟฟ้าที่ลดลง 50%QoQ เพราะไม่มียอดขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้หยุดการผลิตชั่วคราว เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยัง EVN ซึ่งได้รับการชดเชยเล็กน้อยจากยอดขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและญี่ปุ่น และยอดขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่มขึ้น 

 

กระทบอย่างไร:

วันนี้ (11 พฤษภาคม ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น BCP ปรับเพิ่มขึ้น 1.63%DoD สู่ระดับ 31.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.10%DoD อยู่ที่ระดับ 1,567.96 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

ใน 2Q66 คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติของ BCP จะลดลง เนื่องจาก Market GRM ลดลงต่อเนื่อง QoQ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล GRM อาจฟื้นตัวในช่วงปลาย 2Q66 เพราะอัตราการผลิตของโรงกลั่นที่เน้นการส่งออกในภูมิภาคปรับลดลง ซึ่งคาดว่าธุรกิจการตลาดจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันจะผ่อนคลายลง ที่สำคัญคือ ธุรกิจ E&P จะยังคงสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น แม้ว่าราคาขายจะอ่อนตัวลง

 

อย่างไรก็ดี InnovestX Research เชื่อว่า BCP จะยังทำกำไรได้ถึงระดับที่คาดการณ์ไว้ในปี 2566 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อพิจารณาจากแหล่งรายได้ที่หลากหลายของบริษัท 

 

โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 เนื่องจากผลกระทบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง แต่กำไรปกติจะลดลงเนื่องจากค่าการกลั่นจะกลับสู่ระดับปกติ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ BCP ด้วยราคาเป้าหมาย 44 บาทต่อหุ้น (สิ้นปี 2566) อ้างอิงวิธี SOTP

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต๊อกเพิ่มขึ้น 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลเข้าแทรกแซงเพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising