×

ว่าที่ซีอีโอ BANPU ศึกษาดีลซื้อเหมืองทองคำ-ทองแดง-นิกเกิลในต่างประเทศ ต่อยอดธุรกิจ EV

01.03.2024
  • LOADING...

ว่าที่ซีอีโอใหม่ BANPU ตั้งงบลงทุนปี 2024 ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ ลุยลงทุนขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ-ธุรกิจพลังงานสะอาด รวมถึงใช้ซื้อกิจการเหมืองทองคำ-ทองแดง-นิกเกิลในต่างประเทศ

 

สินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President และว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) ซึ่งจะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2024 กล่าวว่า นโยบายการทำธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2024-2025 ยังคงเน้นเดินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของบริษัท และสร้างกระแสเงินสดให้เติบโต

 

อีกทั้งจะให้ความสำคัญกับโครงการหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิม (Existing) โดยในปี 2024 ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ลงทุนขยายธุรกิจปัจจุบัน ทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจพลังงานสะอาดของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ซึ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ EV เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าโซลาร์หรือพลังงานลม  

 

ศึกษาทำ M&A ธุรกิจใหม่แร่ทองแดง-ทองคำ-นิกเกิล 

 

รวมถึงแผนกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจต้นน้ำของกลุ่มธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ EV คือธุรกิจเหมืองแร่ (Mineral) ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการ (M&A) ได้แก่ กลุ่มแร่ทองแดง ทองคำ และนิกเกิล โดยเน้นพิจารณาการลงทุนในประเทศที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจเหมืองอยู่แล้ว ประกอบด้วยประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทย่อยมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนจากธุรกิจถ่านหินเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีทีมบุคลากร องค์ความรู้ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมนำไปใช้ต่อยอดลงทุนได้ในกลุ่มประเทศดังกล่าว 

 

นอกจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายมีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจพลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนมากกว่า 50% ภายในปี 2025 จากปัจจุบันอยู่ที่ 30-40% โดยมีแผนจะขยายลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับสิ่งที่จะมุ่งเน้นมากขึ้นคือเรื่องของ Decarbonization และ Digital รวมถึง AI ที่เป็นเทรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจที่มีอยู่ ทั้งถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ Power Generation รวมถึง Energy Technology ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น 

          

เป้าหมายธุรกิจ Energy Technology 2030 

 

สำหรับอินโดนีเซีย ประเมินว่าในอนาคตจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจติดอันดับ 1 ใน 4 ที่มีอัตราเติบโตของ GDP สูงสุดในโลก จากประชากรที่มีจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทได้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาลงทุนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป และ Energy Management คาดว่าจะเป็นส่วนที่สร้างการเติบโตได้ในอนาคต รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่

 

ด้านธุรกิจในจีนมีแผนจะเน้นไปที่ Renewable มากขึ้น หลังจากได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว รวมถึงในธุรกิจ Battery Manufacturing ด้วย ดังนั้นคาดว่าในอนาคตจะมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ในจีนมากขึ้น 

         

ส่วนธุรกิจในออสเตรเลีย บริษัทถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถ่านหิน และเน้น Energy Trading เพราะตลาดพลังงานในออสเตรเลียเป็นตลาดเสรี ทำให้ราคาพลังงานหรือราคาค่าไฟฟ้าขึ้น-ลงตามซัพพลายและดีมานด์ โดยบริษัทมีทีม Energy Trading เพื่อดำเนินการเรื่องเทรดดิ้งไฟฟ้า และใช้แบตเตอรี่ในการทำแบตเตอรี่ฟาร์มและเทรดไฟฟ้าได้มากขึ้น 

       

ด้านธุรกิจในสหรัฐฯ บริษัทถือเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส และยังเป็นผู้ผลิตโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) รายแรกในแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ คาดว่าจะได้ประสิทธิผลออกมามากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯ คาดว่าจะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในปีนี้

 

โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในสหรัฐอเมริกา 

 

อีกทั้งยังมีแผนการนำบริษัทย่อย BKV Corporation (BKV) ผู้ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าก๊าซรายใหญ่ในสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติ โดยหากราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ก็มีโอกาสที่จะดำเนินการได้ 

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ยังเน้นเรื่องของกลุ่มธุรกิจสีเขียวของกลุ่มบ้านปูทั้งหมดในการนำเอาธุรกิจโซลูชันพลังงานสีเขียวไป Implement กับธุรกิจและลูกค้าในเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ยังทำเรื่อง Climate Tech และ Technology เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจ 

 

ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้พลังงานแอมโมเนียและไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานสะอาดในโรงไฟฟ้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ เพื่อผลักดันแผนลดคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตและต่อยอดการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคต 

          

สำหรับธุรกิจถ่านหินในปี 2024 บริษัทจะไม่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่เคยประกาศไว้ โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการขายถ่านหินรวมในปี 2024 ไว้ที่ 38 ล้านตัน แบ่งเป็นอินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 26.1 ล้านตัน จากปีก่อน 21 ล้านตัน, ออสเตรเลีย เพิ่มเป็น 8.8 ล้านตัน จากปีก่อน 7 ล้านตัน และจีน เพิ่มเป็น 10 ล้านต้น จากปีก่อน 6.5 ล้านตัน โดยประเมินว่าความต้องการใช้พลังงานถ่านหินยังมีโอกาสเติบโต          

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising