×

กลุ่มธนาคาร – พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการตั้งสำรองลดลง, NII ที่สูงขึ้น, สินเชื่อโตปานกลาง และ OPEX ลดลง

04.04.2022
  • LOADING...
MARKET FOCUS: กลุ่มธนาคาร - พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการตั้งสำรองลดลง, NII ที่สูงขึ้น, สินเชื่อโตปานกลาง และ OPEX ลดลง

เกิดอะไรขึ้น:

SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ภายใต้การวิเคราะห์ของ SCBS 

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับตัวลดลง 0.28%MoM Underperform SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 1.81%MoM 

 

พรีวิวผลประกอบการ 1Q65:

SCBS คาดว่ากำไร 1Q65 ของกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้ง QoQ (OPEX และตั้งสำรองลดลง) และ YoY (NII สูงขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตปานกลาง) ซึ่งผลประกอบการ 1Q65 โดยรวมจะสะท้อนถึงการตั้งสำรองลดลง QoQ เพราะ NPL เพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ การเติบโตของสินเชื่อระดับต่ำ NIM ที่อ่อนแอลง และ Non-NII และ OPEX ที่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล 

 

ทั้งนี้แม้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าคาดและราคาน้ำมันสูงขึ้น แต่มองว่าความเสี่ยง Downside ต่อคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ และ NIM ของธนาคารใหญ่อาจมี Upside เล็กน้อย (ในทางกลับกันสำหรับธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลางที่เน้นปล่อยสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่)

 

สำหรับคาดการณ์กำไร 1Q65 แต่ละธนาคารมีดังนี้

 

บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 7,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY ด้วยการตั้งสำรองที่ระดับทรงตัว, NII สูงขึ้น และ OPEX ลดลง (เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการควบรวมกับ Permata เกิดขึ้นอีก) ส่วนกำไร QoQ เพิ่มขึ้น 22% จากการตั้งสำรองลดลง 

 

บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 6,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY ด้วยการตั้งสำรองทรงตัว, NII สูงขึ้น ส่วนกำไร QoQ เพิ่มขึ้น 28% สนับสนุนด้วย OPEX ที่ลดลง

 

บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 10,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%YoY จากการตั้งสำรองลดลง และ NII สูงขึ้น ส่วนกำไร QoQ เพิ่มขึ้น 38% จากการตั้งสำรองและ OPEX ที่ลดลง

 

บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 11,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 13%QoQ โดยเกิดจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, NII สูงขึ้น, Non-NII ลดลง และ OPEX สูงขึ้น (แต่ลดลง QoQ)

 

บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 6,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY ด้วย NII ที่สูงขึ้น, Non-NII ทรงตัว และ OPEX ทรงตัว ขณะที่กำไร QoQ เพิ่มขึ้น 7% จากการตั้งสำรองและ OPEX ที่ลดลง

 

บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 2,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%YoY ซึ่งเกิดจากการตั้งสำรองทรงตัว และ OPEX ลดลง ส่วนกำไร QoQ ที่เพิ่มขึ้น 1% เกิดจาก NII ทรงตัว และ OPEX ลดลง

 

บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 1,701 ล้านบาท ลดลง 4%YoY และ 5% QoQ ซึ่งเกิดจาก NII (สินเชื่อหดตัวลง) และ Non-NII (กำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง) ลดลง 

 

บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) จะรายงานกำไร 1Q65 ที่ 1,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการสำรองและขาดทุนจากการขายรถยึดอยู่ในระดับทรงตัว NII สูงขึ้น ส่วนกำไร QoQ ลดลง 16% เกิดจาก Non-NII ที่ลดลง (รายได้อื่นลดลง)

 

อย่างไรก็ดี ด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น กดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง 7% นับตั้งแต่ทำจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่มี Valuation ไม่แพง โดยเทรดที่ PBV ระดับ -1SD ถึง -2SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต 

 

SCBS เลือกหุ้นเด่นสำหรับกลุ่มธนาคารเป็น BBL (มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และเป็นหุ้น Laggard Play) และ KBANK (ผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้ง และสินเชื่อเติบโตโดดเด่น)

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising