×

ธปท. จับมือสองสมาคมแบงก์เปิดตัวบริการ dStatement รับส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากข้ามธนาคารในรูปแบบดิจิทัล คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 75 บาทต่อครั้งต่อบัญชี

24.01.2022
  • LOADING...
ธปท. จับมือสองสมาคมแบงก์เปิดตัวบริการ dStatement

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทยและสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมเปิดตัวการให้บริการ dStatement (Digital Bank Statement) เพื่อรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (Bank Statement) ในรูปแบบดิจิทัลโดยตรงระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่ต้องการใช้ข้อมูล Bank Statement เป็นหลักฐานประกอบการสมัครขอใช้บริการทางการเงิน สามารถขอให้ธนาคารที่ตนเองมีบัญชีเงินฝากอยู่ ส่งข้อมูล Bank Statement ไปยังธนาคารแห่งอื่นได้โดยตรง ผ่านช่องทาง Mobile Banking Application หรือช่องทางอื่นตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการใช้บริการทางการเงินยิ่งขึ้นจากเดิมที่ต้องขอข้อมูลดังกล่าวในรูปเอกสารกระดาษ

โดยในระยะแรกของการให้บริการ dStatement จะเริ่มใช้สำหรับการสมัครขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลและมีธนาคารที่เปิดให้บริการ dStatement ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จำนวน 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ และจะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 5 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 

 

สำหรับการคิดค่าธรรมเนียมมีการกำหนดเพดานค่าธรรมเนียมเอาไว้ที่ไม่เกิน 75 บาทต่อครั้งต่อบัญชี ลดลงจากการขอ Statement ในรูปแบบเดิมที่คิดค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ย 100-200 บาทต่อครั้งต่อบัญชี โดยตั้งเป้าหมายว่าในช่วงปีแรกนี้จะมีผู้ขอใช้บริการ dStatement ราว 5 แสนถึง 1 ล้านครั้ง หรือคิดเป็น 5-10% ของคำขอสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ 10 ล้านคำขอต่อปี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการรับส่งเอกสารของธนาคารได้ราว 250-500 บาท และในอนาคตหากปริมาณการใช้บริการ dStatement เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของคำขอสินเชื่อในระบบก็จะช่วยให้ธนาคารประหยัดต้นทุนได้ราว 2.5-3 พันล้านบาท

 

 

โดยบริการ dStatement นี้จะใช้ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม National Digital ID (NDID) ซึ่งมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เป็นการรับส่งข้อมูลด้วยการเข้ารหัสและข้อมูลจะถูกส่งโดยตรงระหว่างธนาคาร โดยแพลตฟอร์ม NDID จะไม่เก็บข้อมูลลูกค้าไว้ และการรับส่งข้อมูลจะเกิดเมื่อมีการยืนยันตัวตนจากลูกค้าแล้วเท่านั้น

 

การให้บริการ dStatement นี้ถือเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือ ‘การพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน’ ซึ่งธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองที่มีอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกใช้บริการทางการเงินที่หลากหลายจากสถาบันการเงินแห่งอื่น ๆ ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และตรงตามความต้องการของตนเองยิ่งขึ้น และเปรียบเสมือนเป็นถนนเส้นแรกที่จะช่วยสนับสนุนการยกระดับบริการทางการเงินสู่บริการทางการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

 

รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. ให้ความเห็นว่า พัฒนาการด้านเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งให้ระบบการเงินของประเทศก้าวสู่โลกการเงินดิจิทัล ดังนั้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างให้ทั้งผู้ใช้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินสามารถใช้เทคโนโลยีและข้อมูลที่มีให้เกิดประโยชน์ เพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมในการให้บริการและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายอย่างเสรีจึงเป็นสิ่งสำคัญ และการเปิดตัวบริการ dStatement ในวันนี้ ถือเป็นการปักหมุดจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างในการแบ่งปันข้อมูล (Open Data Ecosystem) เพื่อวางรากฐานที่จำเป็นให้ภาคการเงินไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งระบบนิเวศนี้จะช่วยปลดล็อกให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองเพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น

 

“ในอนาคตเรามีแผนจะขยายบริการให้ครอบคลุมกลุ่มนันแบงก์ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างหารือความเป็นไปได้ เพราะต้องดูเรื่องความเสี่ยงของระบบให้มั่นใจว่าการรับส่งข้อมูลจะปลอดภัย มีระบบป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลตามสิทธิของกฎหมายและการแลกเปลี่ยนข้อมูลต้องเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย” รณดลกล่าว

 

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก สนับสนุนการพัฒนาบริการ dStatement มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สะดวก และเป็นธรรม โดยบริการ dStatement เป็นตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูลของภาคการเงิน เอื้อให้เกิดนวัตกรรมบริการทางการเงินบนช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติม ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว และช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารแต่ละแห่งให้ สอดคล้องกับกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ในการนำระบบเทคโนโลยีมาสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมธนาคาร (Enable Country Competitiveness) ผ่านการสร้างแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ลดต้นทุนจากกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนกันโดยไม่จำเป็น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคธนาคารในอนาคต เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

 

ฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านบริการทางการเงินแก่ประชาชนด้วยฐานลูกค้าที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มกว่า 20 ล้านราย และเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองได้มากยิ่งขึ้น จะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็กสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้สะดวกขึ้น โดยมีภาระต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสมาคมสถาบันการเงินของรัฐและสมาชิกได้ให้การสนับสนุนความร่วมมือของโครงการนี้มาโดยตลอด

 

ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เชื่อว่าบริการ dStatement นี้ จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในการใช้บริการการเงินดิจิทัล โดยในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะยังมีความร่วมมือในการขยายขอบเขตการให้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและรวดเร็ว ขณะที่ผู้ให้บริการสามารถพัฒนาบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขการใช้บริการ dStatement ของแต่ละธนาคาร สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หรือช่องทางการประชาสัมพันธ์อื่นๆ ของแต่ละธนาคารที่ร่วมให้บริการ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X