แบงก์ชาติศึกษามาตรการคุมบาทแข็ง เพื่อโอกาสบาทอ่อนค่าแตะ 30.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เช้าวันนี้ (11 ตุลาคม) ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากการปิดสิ้นวันเมื่อวานนี้
ทั้งนี้แม้ค่าเงินบาทช่วงวันที่ 10 ตุลาคมจะผันผวนสูง เพราะช่วงเช้าเงินบาทแข็งค่าลึกแตะระดับ 30.26 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นจุดต่ำสุดใหม่ของปี แต่ช่วงบ่ายเงินบาทกลับตัวอ่อนค่าอย่างรวดเร็วทะลุ 30.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่ากำลังศึกษานโยบายที่จะนำมาใช้เพื่อดูแลค่าเงินที่แข็งค่าเกินไปอยู่
ทางธนาคารมองว่า ข่าวความเห็นของ ธปท. อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าได้ถึง 30.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันยังสร้างแนวรับทางจิตวิทยาใหม่ที่ระดับ 30.25 บาทต่อดอลลาร์ไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม มองว่ากรอบค่าเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ 30.38-30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยท้าทายเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมีอะไรบ้าง
ปัจจัยที่อาจทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ยังมาจากทิศทางของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในคืนนี้ โดยนักลงทุนในตลาดยังมีความหวังว่าทั้งสองประเทศอาจหาข้อตกลงการค้าได้ หนุนให้ตลาดอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk On)
แต่สถานการณ์ปัจจุบันกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลง (อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น) และยังกดดันต่อตราสารหนี้ทั่วโลก (บอนด์) ล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์สหรัฐ) อายุ 10 ปี ขยับขึ้นมาที่ระดับ 1.67% ส่วน บอนด์ยีลด์ของเยอรมนี อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดของเดือนนี้ที่ 0.46% และบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้นแรงที่สุดคือของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 12.7 bps เป็นผลจากทั้งภาวะ Risk On และความหวังจากการเจรจา Brexit
แต่ในระยะยาวเชื่อว่าทิศทางนโยบายการเงินของกลุ่มธนาคารกลางใหญ่ทั่วโลกจะชี้นำตลาดได้มากกว่าการดูแลตลาดเงินและเศรษฐกิจในประเทศ
ทั้งนี้ค่าเงินบาทและสกุลเงินเอเชียมีโอกาสสูงที่จะทยอยแข็งค่าในช่วงท้ายปี หากการเจรจาการค้าใช้ ‘เงินหยวน’ เป็นส่วนหนึ่งในการเจรจา Trade war หรือกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้นโยบายเพิ่มขนาดงบดุล หรือ ‘QE’
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า