×

กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ ลดค่าจัดเก็บ ก่อนเริ่มใช้ค่าธรรมเนียมใหม่ปลายปี 2568

โดย THE STANDARD TEAM
14.01.2025
  • LOADING...
bangkok-waste-separation-incentives

วันนี้ (14 มกราคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร รวมทั้ง วรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม แถลงความพร้อมโครงการ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม’ 

 

ชัชชาติกล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมมือลดและคัดแยกมูลฝอยที่แหล่งกำเนิดอย่างจริงจัง รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาวการณ์และภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน 

 

โดยสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 และข้อบัญญัติฯ จะมีผลบังคับใช้ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน หรือประมาณช่วงปลายปี 2568 

 

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 

 

กลุ่มที่ 1 บ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม หากไม่คัดแยกขยะจะจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 30 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 30 บาท) หากคัดแยกขยะและลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กรุงเทพมหานครกำหนดจะจ่ายค่าธรรมเนียมเดือนละ 20 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 10 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 10 บาท) 

 

กลุ่มที่ 2 ปริมาณขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเกิน 4 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บและขน 60 บาทต่อ 20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาทต่อ 20 ลิตร) 

 

กลุ่มที่ 3 ปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือเกิน 1,000 ลิตร หรือเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน) จ่ายค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร (ค่าเก็บและขน 3,250 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ค่ากำจัด 4,750 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร) 

 

ซึ่งกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เมื่อมีการคัดแยกและนำขยะไปใช้ประโยชน์ จะส่งผลให้ปริมาณขยะที่ทิ้งให้กรุงเทพมหานครนำไปกำจัดลดลง อัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการขยะก็จะลดลงตามไปด้วย 

 

ด้านพรพรหมระบุว่า ปัญหาขยะล้นเมืองเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพมหานคร โดยปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระต่องบประมาณที่นำมาจัดการขยะ 

 

จากข้อมูลของกรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะที่เก็บขนและนำไปกำจัดประมาณ 9,000-10,000 ตันต่อวัน และมีการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ ณ แหล่งกำเนิดประมาณ 4,000 ตันต่อวัน ประกอบด้วย ขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ประมาณ 2,000 ตันต่อวัน และขยะอินทรีย์ประมาณ 2,000 ตันต่อวัน 

 

อย่างไรก็ตาม ปริมาณขยะที่นำไปกำจัดยังมีปริมาณสูง สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาขยะของกรุงเทพมหานครยังเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้นเพื่อรับมือกับวิกฤตขยะ กรุงเทพมหานครจึงได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดการขยะอย่างยั่งยืน 2 นโยบายหลัก ได้แก่ 

 

มุ่งเน้นการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เน้นให้ประชาชนและองค์กรต่างๆ ร่วมมือกันแยกขยะตั้งแต่แหล่งกำเนิด เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด และเพิ่มปริมาณขยะรีไซเคิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นขยะเปียกจากองค์กรต่างๆ เพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยหมัก และนโยบายสร้างต้นแบบการแยกขยะ เป็นการสร้างต้นแบบการแยกขยะในระดับเขต เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและส่งเสริมให้ประชาชนคนอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม 

 

ซึ่งที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ดำเนินการกับแหล่งกำเนิดมูลฝอย โดยเฉพาะแหล่งกำเนิดขนาดกลางและขนาดใหญ่ อาทิ สถานประกอบการต่างๆ โดยการขอความร่วมมือ แต่การขอความร่วมมือเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงออกข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการยกระดับจากมาตรการขอความร่วมมือ มาเป็นการบูรณาการมาตรการทางเศรษฐศาสตร์และมาตรการทางกฎหมาย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แหล่งกำเนิดมูลฝอย โดยเฉพาะแหล่งกำเนิดมูลฝอยขนาดเล็ก 

 

ชัชชาติกล่าวเสริมว่า ข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะของกรุงเทพมหานคร โดยจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะ และมีส่วนร่วมในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะ โดยผู้ที่แยกขยะจะเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่าผู้ที่ไม่แยกขยะ

 

ประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม’ ด้วยตนเองได้ทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ BKK WASTE PAY ระบบรองรับข้อมูลการจัดเก็บขยะจากประชาชนที่ร่วมคัดแยกขยะ กรณีไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือลงทะเบียนที่สำนักงานเขตที่บ้านเรือนตั้งอยู่

 

โดยลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ และระบบจะแจ้งเตือนให้ส่งภาพหลักฐานการคัดแยกขยะตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ 

 

สิ่งที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนประกอบด้วย รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก, ชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์ และภาพถ่ายการคัดแยกขยะ (ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย หรือขยะทั่วไป) บ้านเรือนที่ลงทะเบียนจะได้รับถุงใส่ขยะเศษอาหารสำหรับ 1 ปีแรก ทั้งนี้ ระบบจะมีการสุ่มตรวจการคัดแยกขยะทุกๆ 3 เดือน 

 

ในส่วนของการลงทะเบียนแบบกลุ่ม สำหรับหมู่บ้านจัดสรร อาคารชุดพักอาศัย ที่มีนิติบุคคล และชุมชนตามระเบียบกรุงเทพมหานคร ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวันต่อหลังหรือต่อห้อง กลุ่มนี้จะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ โดยสำนักงานเขตพื้นที่จะเชิญนิติบุคคลมาประชุมเพื่อแจ้งรายละเอียดและแนวทางการจัดที่พักรวมมูลฝอยที่คัดแยก 4 ประเภท รวมถึงขั้นตอนและวิธีการลงทะเบียน หลักฐานที่ต้องแนบ เช่น รายงานการประชุมลูกบ้านที่มีมติ รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก และหลักฐานการใช้ประโยชน์ขยะ 

 

ด้านวรนุชกล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้จัดระบบรองรับขยะที่ประชาชนคัดแยก ประกอบด้วย ขยะเศษอาหารให้เทน้ำทิ้ง กรองเฉพาะเศษอาหารนำไปใช้ประโยชน์ ทำน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก และเป็นอาหารสัตว์ หรือใส่ถุงสีเขียวมัดปากถุงให้แน่นทิ้งในถังสีเขียวหรือจุดทิ้งที่เขตกำหนด เพื่อรอสำนักงานเขตเข้าไปจัดเก็บตามรอบเวลา 

 

ขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก ขวดน้ำ และขวดแก้ว ฯลฯ สามารถนำไปขายหรือแยกทิ้งให้กับสำนักงานเขต โดยฝากไปกับรถขยะของกรุงเทพมหานครที่วิ่งเก็บขยะตามเส้นทาง ซึ่งรถทุกคันจะมีช่องทิ้งขยะรีไซเคิล หรือทิ้งในการจัดกิจกรรมเก็บขยะชิ้นใหญ่ทุกวันอาทิตย์ จัดตลาดนัดรีไซเคิลในชุมชน 

 

นอกจากนี้ยังได้ประสานกับแอปพลิเคชันรับซื้อหรือรับบริจาคขยะมารับขยะถึงหน้าบ้าน หรือสามารถขายให้กับร้านหรือรถรับซื้อของเก่า ขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ ยาหมดอายุ และกระป๋องแก๊สหรือกระป๋องสเปรย์ ฯลฯ รวบรวมใส่ถุงใสหรือถุงที่มองเห็นขยะด้านใน หรือเขียนข้อความติดที่ป้าย นำไปทิ้งในจุดทิ้งขยะอันตราย (ถังสีส้ม) ในชุมชน หมู่บ้าน สำนักงานเขต หรือฝากไปกับรถขยะของกรุงเทพมหานครที่วิ่งเก็บขยะตามเส้นทาง ซึ่งรถทุกคันจะมีช่องทิ้งขยะอันตราย หรือทิ้งในการจัดกิจกรรมเก็บขยะชิ้นใหญ่ทุกวันอาทิตย์ 

 

ขยะทั่วไป เช่น ซองขนม เศษผ้า แก้วกาแฟ ถุงแกง กล่องโฟม หรือถุงพลาสติก ฯลฯ ให้รวบรวมใส่ถุงใสหรือถุงที่มองเห็น มัดปากถุง และนำไปทิ้งลงถังขยะทั่วไปสีน้ำเงิน ในชุมชนหรือหมู่บ้าน แล้วรอการจัดเก็บตามที่สำนักงานเขตกำหนด

 

กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ กทม. เริ่มแล้วลงทะเบียนแยกขยะ

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X