วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในกรุงเทพฯ ที่มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น หลังพบอัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลสังกัด กทม. เหลือไม่ถึง 50% จากทั้งหมด ซึ่งส่วนมากผู้ที่เข้ารับการรักษาเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว
เบื้องต้น กทม. ให้แต่ละเขตเตรียมเปิดศูนย์พักคอย หรือ Community Isolation (CI) รองรับผู้ติดเชื้อ โดยจากข้อมูลเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อวันละกว่า 2,000 คน และให้เตรียมแผนสำรองยา เวชภัณฑ์ บุคลากร รวมถึงให้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นด่านแรกในการตรวจโรค ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของ กทม.
สำหรับการรับมือผู้ติดเชื้อในโรงเรียนสังกัด กทม. พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเด็กโต เนื่องจากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้ง ส่วนเด็กเล็กพบอัตราการติดเชื้อ 1% โดยขอให้โรงเรียน 437 แห่ง เตรียมแผนรับมือจัดการเรียนในรูปแบบออนไลน์ให้พร้อม เบื้องต้นให้ทุกโรงเรียนเปิดเรียนออนไซต์ได้ตามปกติ ส่วนแผนเผชิญเหตุกรณีพบเด็กติดเชื้อ 1-2 คน ให้เข้าสู่กระบวนการรักษาทันที แต่หากพบมากกว่านั้นจนกลายเป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่มากกว่า 1 ห้องเรียน ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถพิจารณาปิดโรงเรียนได้ 3 วัน
นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทันที โดยเชื่อว่าสามารถป้องกันอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้ ส่วนข้อบังคับการสวมหน้ากากอนามัย กทม. ไม่สามารถออกประกาศบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยได้ เพราะต้องยึดตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่
ทั้งนี้ กิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนหมู่มาก ทั้งดนตรีในสวนและการชมหนังกลางแปลง ซึ่งเป็นข้อกังวลของที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ จะแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและเว้นระยะห่างเพื่อลดความแออัดตลอดการทำกิจกรรม โดยผู้ว่าฯ กทม. จะขอเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ เช่น การวิ่งออกกำลังกายทุกเช้า