×

อุ่นเครื่องซีรีส์ ‘เก็บรัก’ กับนิยามรักต่างองศาของ ‘เป้-สายป่าน’

11.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

10 Mins read
  • สายป่านมองว่าเป้คือนักแสดงที่ทุ่มเทให้กับทุกผลงานอย่างเต็มที่ ส่วนเป้มองว่าสายป่านคือนักแสดงสายออโตเมติกที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ เพียงแค่สั่งว่า ‘แอ็กชัน’
  • ‘เพลง’ ถือเป็นสิ่งที่มีผลกับอารมณ์ของสายป่านค่อนข้างมาก ส่วนเป้ต่างออกไป เพราะอาชีพนักดนตรีทำให้เขามองทุกๆ บทเพลงในแง่การสร้างสรรค์ผลงานเพียงเท่านั้น
  • สายป่านเชื่อว่าคนเราสามารถเก็บความรักครั้งเก่าไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งจนถึงวันที่เริ่มต้นรักครั้งใหม่ ส่วนเป้ ถึงจะชอบบอกว่าตัวเองไม่เคยเก็บความรักครั้งเก่าเอาไว้เลย แต่ก็ยังมีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ่อยๆ ถ้าภาพในวันเก่าๆ ย้อนกลับมา
  • เป้เคยคิดว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะรักและอยู่กับใครอย่างจริงจัง จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมาที่เขาเริ่มคิดว่าพร้อมแล้วจริงๆ ส่วนสายป่านเพิ่งขยับลำดับความสำคัญในชีวิต ที่จากเดิมคนรักเคยอยู่อันดับสาม และขึ้นแซงเพื่อนมาเป็นอันดับสองกับความรักครั้งล่าสุด

     อาจจะด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งความทุ่มเทที่ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ และ สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข แสดงออกมา ทำให้เราคิดว่าสองคนนี้คือหนึ่งในคู่ที่มีเคมีตรงกันและอยากเห็นทั้งสองคนมีผลงานร่วมกันแบบจริงๆ จังๆ สักที (ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยมีผลงานร่วมกันบ้าง แต่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของภาพยนตร์เท่านั้น)

     จนกระทั่งผลงานล่าสุดกับซีรีส์ชุด Bangkok รัก Stories ตอน เก็บรัก ที่ใช้เพลง เก็บรัก ของ แอมมี่ The Bottom Blues มาเป็นตัวดำเนินเรื่องที่เล่าถึงความสัมพันธ์รัก 5 เส้า ซึ่งแต่ละตัวละครต่างมีเหตุผลที่ต้องเก็บรักเอาไว้แตกต่างกันไป โดยมีเป้และสายป่านเป็นแกนกลางของความสัมพันธ์ครั้งนี้

     เมื่อมีโอกาส THE STANDARD ได้เชิญทั้งสองคนมานั่งพูดคุยถึงเรื่องการแสดงที่เราอยากเห็นมานาน รวมทั้งมุมมองเกี่ยวกับการ ‘เก็บรัก’ ในอดีตไปจนถึงการเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ คำตอบหลายอย่างที่ได้รับทำให้เราค่อนข้างแปลกใจว่าคนที่ดูเหมือนจะมีเคมีเข้ากันมากขนาดนี้ แต่กลับมีความคิดต่อสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งช่วยยืนยันความคิดที่ว่าความรักเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าจะคาดเดา และสิ่งที่เราทำได้มีเพียงแค่ ‘เก็บ’ ความรักนั้นเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้นเอง

 

 

ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกัน เวลาเห็นผลงานของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกอย่างไรกับนักแสดงที่ชื่อเป้และสายป่านบ้าง

     สายป่าน: ป่านดูงานของพี่เป้เยอะทั้งละครและภาพยนตร์ ทำให้รู้ว่าเขามีความทุ่มเทกับงานมากขนาดไหน เคยร่วมงานกันช่วงสั้นๆ ใน วาเลนไทน์ สวีทตี้ (2555) แล้วต่างคนต่างโต จนมาเจออีกครั้งในเรื่อง ดาวคะนอง (2559) ที่ทำให้ได้คุยกันมากขึ้น มีหลายอย่างที่ไม่ได้คุยกับผู้กำกับ เพราะพี่ใหม่ (อโนชา สุวิชากรพงศ์) เขาไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้ว ซึ่งฉากที่เข้ากับพี่เป้เป็นฉากที่เปิดโลกป่านมาก เราไม่รู้แบ็กกราวด์ใดๆ ของตัวละครเลย แล้วอยู่ดีๆ พี่เป้ก็มาแก้ผ้านอนอยู่ข้างหน้า คือคนดูเห็นข้างหลัง แต่ป่านเห็นข้างหน้าเลย (หัวเราะ) จนมาทำเล่นซีรีส์ เก็บรัก เลยรู้สึกว่า ถ้าเราเห็นกันมาขนาดนั้นก็คงไม่ต้องเขินอะไรกันแล้วแหละ (หัวเราะ)

     เป้: ผมเริ่มจากเรื่อง พลอย (2550) กรี๊ดมาก สายป่านน่ารัก หลังจากนั้นเราได้ยินชื่อสายป่านอีกหลายแบบ ไปกำกับหนังตัวเอง เล่นละคร ได้ยินคำร่ำลือว่าป่านเป็นสายออโตเมติก สั่งแอ็กชัน โป๊ะ ได้เลย ผมคิดว่าป่านมีสองยี่ห้อ ให้เป็นเด็กสาวไร้เดียงสาก็ทำได้ หรือเป็นคนที่มีความแข็งกร้าว ดุดัน กระด้างกระเดื่องก็ทำได้ อันนี้คือเสน่ห์ของเขา

     พอมาทำงานกันจริงๆ เขาก็เป็นแบบนั้นเลย เป็นนักแสดงที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากก็ทำได้เลย อะไรก็ง่ายไปหมด ซึ่งสำหรับผม อะไรมันก็ยากไปหมดเลย (หัวเราะ) แล้วที่ชอบมากคือผมสามารถเตี๊ยมอะไรหลายๆ อย่างกับสายป่านได้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมไม่ค่อยกล้าไปก้าวก่ายหน้าที่ของเขา แต่กับป่านจะบอกได้ว่าขอตรงนี้นานขึ้นหน่อยนะ กล้าที่จะพูดกับคนนี้

 

ได้ยินมาเยอะเหมือนกันเรื่องการแสดงที่สั่งได้แบบออโตเมติกของสายป่าน อยากรู้ว่ากว่าที่จะมาถึงจุดที่ทำแบบนี้ได้ สายป่านต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพราะเชื่อว่าการแสดงแบบนี้คงไม่ใช่จะได้มากันง่ายๆ

     สายป่าน: ไม่มีใครเก่งโดยไม่ฝึกฝน นักกีฬาก็ต้องฝึกฝน นักแสดงอย่างป่านก็ต้องฝึกฝนเหมือนกัน ด้วยโอกาสทั้งหมดที่ป่านเคยได้รับมา ป่านมีใบเบิกทางที่ดีจากเรื่อง พลอย พี่ต้อม (เป็นเอก รัตนเรือง – ผู้กำกับ) เหมือนหมอตำแยที่แจ้งเกิด ทำให้ป่านได้รับความเชื่อใจจากอีกหลายๆ คน ไปสู่ช่วงพีกที่มีหนัง 4 เรื่องต่อปี ได้ไปเล่นละคร ได้เจอพาร์ตเนอร์ เจอครู ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้ฝึกอย่างหนัก ได้ลองกับตัวเอง ลองกับคำพูดของคนอื่น ลองกับการแสดงหลายๆ วิธี สิ่งที่ทำให้งานออกมาประสบความสำเร็จที่สุดคือป่านต้องไม่ตั้งแง่กับตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองทำดีแล้วจะหยุดพัฒนา ทุกครั้งต้องคิดว่าทำให้ดีขึ้นสิวะ เพื่อให้กลับไปดูงานตัวเองแล้วไม่เสียใจว่าทำไมซีนนั้นไม่ทำให้ดีกว่านี้  

     เป้: ของผมตรงข้ามกันเลย ผมต้องพยายามมาก แล้วตอนนี้ก็ยังพยายามอยู่ ทุกวันนี้ยังคิดว่าอยากกลับไปแก้ในหลายๆ ซีนตลอดเลย ผมไม่ค่อยมีความมั่นใจ แล้วจะยอมเสียเวลาทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ พยายามเตรียมตัวก่อนถ่ายให้เยอะที่สุด ควบคุมคาแรกเตอร์ ควบคุมสกิลที่ตัวละครมีให้พร้อมที่สุด อย่างเรื่องนี้เป็นช่างตัดผมก็ต้องไปเรียนตัดผมจริงจัง เรื่องต่อไปเป็นตำรวจก็ต้องไปเรียนยูโด

 

 

จุดไหนที่ทำให้สายป่านผ่านไปถึงระดับออโตเมติกในการแสดงได้แล้ว

     สายป่าน: มันมีช่วงปลดล็อกจากละครเรื่อง อำแดงเหมือนกับนายริด (2555) ทางช่องไทยพีบีเอส ที่ต้องเล่นกับนักแสดงรุ่นใหญ่เยอะมาก ทั้งอาโย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา), อารอน (รอน บรรจงสร้าง), อาหมู (ดิลก ทองวัฒนา) แล้วเป็นเรื่องที่ป่านอินมาก เพราะรู้สึกว่าอำแดงเหมือนคือส่วนหนึ่งของการเลิกทาส เป็นคนช่วยพลิกประวัติศาสตร์ความเชื่อที่ว่าผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นใหญ่ การขายลูก ขายเมียขัดดอก ก็เพราะอำแดงเหมือนถวายฎีกาให้กับรัชกาลที่ 4

     มีฉากหนึ่งป่านกดดันมาก เป็นฉากที่ป่านต้องชี้หน้าด่าทุกคนพร้อมกับไดอะล็อก 4 หน้าเอสี่ แล้วต้องพูดด้วยภาษาโบราณทั้งหมด เป็นซีนสำคัญที่ป่านกลัวมาตลอด ป่านท่องบทตั้งแต่วันแรกที่เปิดกล้องจนมาถ่ายซีนนี้ในเดือนที่ 7 ป่านไม่เคยมีความสุขเลยจนกว่าจะได้ถ่ายซีนนี้ ตอนนั้นคิดได้แค่สองอย่างคือ ทุกคนด่าว่าเราเป็นตัวถ่วง กับทุกคนจะปรบมือให้เรา ผลคือทุกคนเดินมากอดป่านแล้วบอกว่าหนูทำได้ดีมากลูก อาโยเดินปาดน้ำตามาเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือกูทำได้แล้ว มันยิ่งใหญ่กว่าการขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีอีก เพราะบุคคลเหล่านี้คือนักแสดงที่เรานับถือมาตลอด แล้วเขาได้เห็นเราแสดงสดๆ เขายอมรับเราจริงๆ โดยที่ไม่ต้องผ่านการตัดต่อ หลังจากนั้นเวลาเจอบทอะไรยากๆ ก็จะคิดว่ายากกว่านี้กูก็ผ่านมาแล้ว

 

ในเรื่องการแสดง เป้โดนกดดันด้วยอะไรบ้าง

     เป้: ผมโดนกดดันเรื่องคำพูด เรื่องภาษามาตลอดอยู่แล้วครับ ผมก็คิดนะว่าอยากมีลิ้นที่พูดจาชัดเจนโดยไม่ต้องพยายามขนาดนี้ ซึ่งผมได้พยายามมาหลายรูปแบบมากแล้ว แต่คนก็ยังคิดว่าผมยังพยายามได้ไม่ดี กลายเป็นปมที่ยังอยู่กับผมมาถึงตอนนี้ อาจฟังดูติงต๊องนะ แค่พูดไม่ชัด แต่มันกดดันผมได้จริงๆ

 

พูดเรื่องซีรีส์กันบ้าง เนื่องจากเป็นซีรีส์ที่ใช้เพลงเป็นตัวนำของเรื่อง อยากรู้ว่าเพลงมีผลกับอารมณ์ของทั้งสองคนมากขนาดไหน

     สายป่าน: เพลงกับหนังเป็นสองอย่างที่ทำให้ป่านอยู่ได้ถึงทุกวันนี้เลยนะ มันเยียวยาตัวป่านเยอะ ตอนเด็กๆ หรือตอนเรียนป่านดูหนังเยอะ บางทีอยู่ในโลกความเป็นจริงแล้วไม่ดี แต่พอดูหนังเรื่องหนึ่งแล้วอินก็จะทำให้เราลืมความจริงไปได้เลย แต่พอโตมาหนังมันยาวไปแล้ว เวลาพักผ่อนไม่มี ต้องรีบ ก็เลยฟังเพลง เพราะสั้นหน่อย แค่ 5 นาทีก็เยียวยาได้แล้ว

     แต่สำหรับป่าน เพลงไม่ได้นำสภาวะนะ ป่านให้สภาวะนำเพลง ป่านเคยเศร้าโคตรๆ แล้วฟังเพลง Silent Night ของเคลลี คลาร์กสัน เพลงแฮปปี้มากเลยนะ คริสต์มาสมากๆ แต่ป่านโคตรดาวน์เลยอ่ะ ร้องไห้เลย เพลงมีอิทธิพลกับป่านเยอะ เพราะฉะนั้นฟังได้ 5 นาที ร้องไห้ให้พอ พอเพลงจบปุ๊บก็ให้มันจบ บอกตัวเองว่าพอแล้ว หรือถ้าจะมีความสุขก็มีความสุขกับเพลง  

     เป้: ของผมโชคร้ายหน่อย เพราะพอดนตรีกลายเป็นอาชีพ ผมมองมันเป็นงานไปแล้ว อย่างเพลง เก็บรัก มันควรจะเยียวยาใช่ไหม มันควรจะเพราะมากในสายตาคนอื่น แต่ผมฟังแล้วกลับอิจฉาแอมมี่ว่ะ ทำไมเอ็งถึงแต่งเพลงได้เพราะขนาดนี้ แล้วทำไมข้าถึงแต่งไม่ได้วะ

     แล้วผมจะโดนเรื่องภาษาเยอะ อย่างเพลง เค้าก่อน ของ UrboyTJ ที่เอาเรื่องโดนต่อยมาใส่ในเพลง หรือเพลง Writer in the Dark ของลอร์ด ที่บอกว่า I’ll love you ‘til u call the cops on me. กูจะรักมึงจนกว่ามึงจะเรียกตำรวจมาจับกู โอ้โห แต่งกันได้ยังไง แต่ถ้าเป็นเพลงที่โดนกับอารมณ์จริงๆ ฟังแล้วเศร้าหรือร้องไห้นี่แทบไม่มีแล้ว

 

 

ตอนที่ได้ฟังเพลง เก็บรัก แบบจริงๆ จังๆ ก่อนมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง

     เป้: ผมไม่อยากฟังเท่าไร เพราะอิจฉาแบบที่บอกไป (หัวเราะ) มันชอบจนไม่อยากชอบแล้ว เหมือนไปดูพี่ปู (พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์) หรือพี่เล็ก (จุลจักร จักรพงษ์) ที่ชอบมาก แต่ไม่อยากไปดู เพราะเขาเก่งเกินไป เป็นความรู้สึกด้านอาชีพล้วนๆ คือชอบนะ แต่ชอบจนอิจฉา ผมเป็นคนเลวๆ แบบนี้แหละ (หัวเราะ)

     สายป่าน: ป่านชอบทันที โคตรชอบเลย ป่านฟังเพลงที่ความหมายเหมือนกันนะ แล้วเพลงนี้ไม่ต้องแปลอะไรเลย ง่ายสุดๆ ตรงเหี้ยๆ เพลงสากลบางเพลงเราอาจต้องมีความหมาย เพราะภาษามันแปลได้หลายอย่าง แต่อันนี้ไม่ต้อง เก็บรักฉันไว้ในใจเธอก่อน ฉันยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ เก็บรักฉันไว้ที่เดิมจะได้ไหม แม้ในตอนนี้เธอจะไปรักใคร โอ้โห กูตายแล้ว บอกเลยว่าเพลงนี้ได้จากป่านไปหลายล้านวิวเลยนะ (หัวเราะ)

     เป้: แต่ผมไม่กดฟังเลย ผมจะไม่ให้ยอดวิวมันขึ้นเด็ดขาด (หัวเราะ)

 

พอได้แสดงซีรีส์ที่มีเพลง เก็บรัก เป็นตัวนำเรื่องแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง การตีความเป็นอย่างที่ทั้งสองคนคิดเอาไว้ไหม

     สายป่าน: รู้สึกว่า เฮ้ย จากเรื่องการเก็บรักของคนสองคนมันถูกตีความออกมาเป็นความรักหลายรูปแบบ มีคนที่ 1 2 3 4 มาเกี่ยวข้อง เซอร์ไพรส์ป่านเหมือนกันนะที่การตีความไม่ได้ถูกทำให้เศร้าขนาดนั้น มันมีสีสันอื่นๆ เพิ่มเติมที่ทำให้น่าสนใจและดีขึ้นมากๆ เพราะความรักจะไม่ดีถ้าไม่มีการเปรียบเทียบ ยกตัวอย่าง วันนี้รู้สึกว่าความรักแย่ มันจะมีข้อเปรียบเทียบว่าคู่อื่นเขาแย่กว่าเราอีก มันจะทำให้มีกำลังใจในคู่ของเรามากขึ้น ถ้าคิดว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน มันก็จะมีแค่สองคนโดยไม่สนใจคนอื่น แต่พอมีคนอื่นเข้ามา มันได้เห็นความต่าง ซึ่งสำหรับป่านคิดว่ามันดีกว่าอยู่แล้ว  

     เป้: ผมว่ามันไปกันใหญ่ดี มีความเป็นการ์ตูน มีความแฟนตาซีอยู่ เอาจริงๆ ผมรับเล่นเรื่องนี้เพราะอยากเล่นอะไรกุ๊กกิ๊กๆ แล้วได้ลองทำอาชีพที่ไม่มีโอกาสได้ทำแน่ๆ ถามว่าตีความกับคำนี้ขนาดไหน ผมไม่ค่อยได้นึกถึงนะ แค่อยากรับอะไรที่เบาสมองบ้าง

 

แล้วเบาสมองจริงไหม

     เป้: ไม่จริงครับ (หัวเราะ) ปวดกบาลมาก ต้องไปเรียนตัดผม หัดถักเปียจนมือเป็นตะคริว แถมตอนถ่ายทำยังมองไม่เห็นว่าผมเป็นคนถักอีก ซึ่งบอกก่อนว่ามือที่เห็นในซีรีส์ตอนทำผมนั่นเป็นมือของผมเองจริงๆ นะครับ

 

 

เทียบประสบการณ์การเก็บรักแบบในเพลง คิดว่าเราสามารถเก็บความรักแบบนั้นได้มากขนาดไหน

     สายป่าน: ถ้าเรารักใครสักคนหนึ่งมากถึงขนาดเอ่ยปากบอกว่าเราจะเก็บรักไว้ ป่านคงไม่เลือกบอกให้เขาเก็บรักไว้ให้ป่าน อย่างในเพลงบอกว่า เก็บรักฉันไว้ในใจเธอก่อน ฉันยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ เป็นการบอกเขาว่าสงสารกูเถอะ ยังเก็บรักกูไว้บ้างก็ยังดี แต่ในความเป็นจริงป่านคงไม่อ้อนวอนให้คนที่เขาไม่ได้รักเราแล้วเหลือความสงสารไว้ให้เรา แต่ต้องย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าป่านจะเก็บรักที่มีให้เขาคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าวันนี้ยังอยู่แล้วยังไม่มีใครมาแทนที่ กูก็คงรักมึงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าวันหนึ่งมีคนดีๆ เข้ามาก็คงต้องรักเขา ซึ่งวันนั้นยังไม่รู้จะมาถึงเมื่อไร ระหว่างนั้นกูก็จะรักมึงนั่นแหละ เป็นอะไรที่โคตรสัจธรรมเลยนะ ในเมื่อเขาไม่ได้รักเราแล้ว พอรักไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เหนื่อยเอง

 

สายป่านเคยเก็บรักเอาไว้นานที่สุดเท่าไร

     สายป่าน: รออย่างเดียวเลยนะ 11 เดือน ซึ่งเขากลับมานะ แต่สายเกินไป เพราะเขากลับมาเดือนที่ 17 เราเริ่มต้นใหม่ไปแล้ว เราจะไม่กลับไปหาคนเก่า เราเป็นเพื่อนกันได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนโกรธใครนานๆ แต่เราจำได้ว่าวันที่เขาปฏิเสธหรือวันที่ต้องจบเราเสียใจขนาดไหน ดังนั้นเราเลยไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำกับใครอีก

     เป้: ผมชอบตอบว่าผมไม่เก็บความรักเอาไว้เลย แต่เอาจริงๆ มันก็มีบางคนที่ถ้าเขากลับมาตอนนี้แล้วเราเป๋แน่นอน ไม่ว่าจะนานเท่าไร ถ้าเขากลับมาพูดอะไรที่เคยพูดกันสมัยก่อนแล้วเราเป๋แน่ๆ เคยมีคนหนึ่ง ไม่ได้เจอกันนาน แล้วคำแรกเขาเรียกผมด้วยโค้ดเนมติงต๊องๆ ที่เคยเรียกกันแล้วรู้สึกแบบ เออๆ ถ้ามึงมาบอกว่าชอบกูตอนนี้ กูก็คงทิ้งทุกอย่างแล้วกลับไปหาได้เลยนะ ซึ่งอันนี้กลายเป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ (เหล็กกับไม้) ด้วยนะครับ ชื่อเพลง ชื่อเก่า ลองไปฟังกันได้

 

เป็นคนที่จมกับความรักเก่าที่เพิ่งจบไปนานขนาดไหน

     เป้: ไม่ค่อยครับ ส่วนมากไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็จะลืมได้ แต่ต้องไม่มาให้เห็นนะ เพราะถ้ามาให้เห็นก็เป๋แบบที่บอกไป มันจะมีบางคนที่โทรมาทีไรหรือมาเคาะห้องทีไรก็แพ้ตลอด อันนี้ก็เป็นเพลงใหม่นะครับ ชื่อเพลง แพ้ ไปหาฟังได้อีกเหมือนกัน ขอไทอินหน่อยช่วงนี้ (หัวเราะ)

 

ถ้าเริ่มต้นกับคนใหม่ไปแล้ว แต่คนเก่ายังกลับมาเคาะประตู แล้วจะหวั่นไหวไหม

     เป้: เออ ก็เคยทำควบคู่กันเหมือนกัน (หัวเราะ) ไอ้พวกแบบนั้นมันห้ามไม่ได้ไง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ

 

การที่ความรักครั้งใหม่ของทั้งสองคนจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยปัจจัยอะไรบ้าง

     เป้: ถ้าช่วงนี้ผมคิดว่าน่าจะเริ่มยาก เพราะชีวิตผมน่าเบื่อมาก วันๆ ผมไม่ทำอะไรเลย ทำงาน ปีนเขา เล่นยูโด ซ้อมดนตรี เล่นกีตาร์ นอนดูซีรีส์ ดูหนังอยู่บ้าน เที่ยวก็ไม่เที่ยว กินของอร่อยก็ไม่บ่อยนัก กินเฉพาะของที่ชอบอีก เลยคิดว่าคงเริ่มต้นยาก ซึ่งผิดกับก่อนหน้านี้ที่เรียกว่าหวือหวาและอันตราย คือทั้งตัวเราก็ไม่ปลอดภัย ตัวคนที่เข้ามาก็ไม่ค่อยปลอดภัยเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ให้กลับไปเป็นแบบนั้นก็ไม่น่าจะได้แล้วเหมือนกัน

     สายป่าน: ป่านสามารถอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่ต้องการความรักครั้งใหม่ แต่ถ้าความรักครั้งจะเกิดขึ้น ป่านก็ไม่กลัว แค่ระวังไม่ให้มันเกิดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว ด้วยอายุที่โตขึ้นด้วย จะทำตัวแบบเด็กๆ ไม่ได้ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว เราจะมีประสบการณ์ที่เรียนรู้ได้ทุกครั้งจากความรักที่พังลงไป

     เป้: ไม่นะ ผมโง่ใส่ เอาเขาชนตลอดเลย (หัวเราะ) เขาคือตัวแทนของความไม่ฉลาดนะ ไม่มีประสบการณ์อะไรช่วยได้หรอกครับ รู้ว่าไฟมันร้อน จะโดนเผานะ แต่มันก็อยากโดนอยู่ดี แต่ทุกวันนี้ไม่เข้าไปแล้ว  

 

 

เป้พูดว่าเราไม่เคยเป็นคนเลือกความรักได้เลย ทำไมถึงมีความคิดแบบนั้น

     เป้: ไม่รู้สิครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมเคยบอกว่าชอบผู้หญิงผมสั้น เคยบอกว่าชอบคนหมวย แต่ตัดภาพไป มันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย อันนี้เฉพาะรูปลักษณ์ภายนอกนะ ไม่นับเรื่องโอกาสอีก เคยคิดว่าไปกินเหล้าแล้วต้องเจอผู้หญิงแบบที่เราชอบ แต่ก็ไม่เคยเจอ โอกาสจะพังๆ หน่อย ไม่เคยมีแบบชอบคนนี้แล้วอยากคุยให้ได้ในวันนั้น ผมไม่เคยทำได้เลย อาจจะเพราะผมขี้เขินด้วยมั้ง เลยรู้สึกว่าผมไม่ได้เป็นคนเลือกความรัก แต่ธรรมชาติจะเลือกจังหวะที่เหมาะสมมาให้ เพราะฉะนั้นอย่าถามสเปก เพราะตอบไปไม่เคยถูก พูดแบบหยาบๆ เลยนะ คือเปิดอินสตาแกรมดูแล้วคิดว่าอยากได้แฟนแบบนี้แล้วจะได้แบบนั้นเลย มันเป็นไปไม่ได้ จะบ้าเหรอ

 

แล้วสายป่านล่ะ เป็นคนเลือกความรักได้หรือเปล่า

     สายป่าน: เลือกได้มากๆ เลยค่ะ

     เป้: ตั้งแต่สัมภาษณ์มา มีอะไรที่เหมือนกันบ้างหรือยังเนี่ย (หัวเราะ)

     สายป่าน: ด้วยความที่ป่านเป็นป่าน มันมีกำแพงค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกหรืออะไรก็แล้วแต่ ดังนั้นเลยมีคนที่เข้ามาหาป่านเยอะ เพราะอยากลองของจากการตัดสินป่านแล้ววาดหวังว่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ พอมาเจอปุ๊บแล้วไม่เป็นแบบที่คิดก็หงายหลังไปหลายคน มันจะค่อยๆ ตัดชอยส์ไปเอง พอตัดไปเรื่อยๆ เราจะมองเห็นว่าใครที่จะเดินเข้าเส้นชัย เราเป็นคนเลือกได้เสมอว่าใครจะเป็นคนนั้น

 

เมื่อมีความรักแล้ว เรายังสามารถเลือกให้ความรักเป็นแบบที่ต้องการได้อยู่หรือเปล่า

     สายป่าน: เป็นไปได้โคตรยากมาก อันนี้อยู่ที่การเรียนรู้เลย เมื่อเลือกแล้วเราต้องเรียนรู้เขา เขาต้องเรียนรู้เรา หลังจากนี้เป็นเรื่องของการปรับตัว วันนั้นมีตั้งไม่รู้กี่ชอยส์ ดันเลือกคนนี้มา แล้วจะมานั่งโทษตัวเองหรือโทษเขาไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งมันสุดทาง ไปต่อไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่มีอะไรยากเลยสำหรับความรัก

     เป้: เฮ้ย เหมือนกันแล้ว (หัวเราะ) มันเลือกไม่ได้จริงๆ ครับ อย่างแค่การเลือกที่จะไปหรืออยู่ก็ยากแล้ว เราได้แต่หวังว่าถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็จะไม่ให้เป็นอย่างนี้อีกเท่านั้นเอง

 

 

สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักได้มากขนาดไหน

     เป้: ได้แป๊บเดียว ผมเคยทำได้นานที่สุด 1 ปี หัดทำอาหารให้เขาเลยนะ รวมทั้งหลายๆ อย่าง ซึ่งสนุกดีนะครับ แต่มันจะมีช่วงที่เราเริ่มบ่น ทำไมมันอย่างโน้นอย่างนี้ คิดว่าเขาจะปรับมาหาเราบ้าง ซึ่งมันไม่มีวันนั้นเว้ย มันต้องปรับไปตลอดนี่ล่ะ ซึ่งเขาก็ปรับในแบบของเขานะ แต่ไม่พอสำหรับเราอยู่ดี

     สายป่าน: ป่านไม่ค่อยได้ปรับอะไรเท่าไร เพราะเวลามีแฟน ป่านก็เป็นตัวเองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เวลาล้มเหลวหรือมีปัญหา มันเกิดจากอีกคนมากกว่า เขาเปลี่ยนให้ป่านเยอะ เพราะความรักที่เขามีให้ป่านมันเยอะ เขาเปลี่ยนจนไม่เป็นตัวเอง แล้วพอวันหนึ่งเขากลับไปเป็นตัวเองจนเรามานั่งคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะยอมรับว่าใช่ เขาเปลี่ยนไป เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมันจะจบแบบนี้ทุกครั้ง

 

ถ้าเทียบกับตัวเองในวันที่เริ่มมีความรักกับตอนนี้ คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด

     เป้: ความพร้อมครับ ผมเคยมีความรักที่จริงจังตอนอายุ 20 ต้นๆ คิดว่าทุกอย่างเหมาะแล้ว สามารถไปต่อได้ แต่ดันคิดว่าวัยนั้นเรายังไม่พร้อม ยังอยากทำงาน อยากเที่ยวรอบโลก อยากเจอสาวคนอื่นอยู่ ในขณะเดียวกันฝ่ายสุภาพสตรีก็คงคิดเหมือนกัน ความรักก็เลยไม่รอด แต่เมื่อสัก 1-2 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าพร้อมแล้วนะ ถ้าเจอคนนั้น ผมคิดว่าพร้อมที่จะอยู่กับคนคนเดียวไปตลอดได้แล้ว

     สายป่าน: การให้ความสำคัญกับความรักเพิ่งเปลี่ยนไปไม่นานมานี้เอง เมื่อก่อนเวลาจัดอันดับความสำคัญในชีวิต ครอบครัวคืออันดับหนึ่ง เพื่อนอันดับสอง และแฟนอันดับสาม แต่ตอนนี้แฟนแซงเพื่อนขึ้นมาเป็นอันดับสอง เมื่อก่อนด้วยความเป็นวัยรุ่น ห้าวมากๆ เพื่อนสำคัญที่สุด อะไรก็ไม่ยอม อย่ามาแย่งเวลาจากเพื่อน ถ้าเพื่อนโทรมาคือไปได้ทันที ถ้าทะเลาะกับแฟนก็จะเล่าให้เพื่อนฟังทุกเรื่อง เพราะคิดว่าเพื่อนเข้าใจเราที่สุด แต่วันนี้ทุกเรื่องที่เคยเล่าให้เพื่อนฟัง เรามาเล่าให้แฟนฟัง บางเรื่องเพื่อนไม่ต้องรู้ แต่แฟนต้องรู้ทุกเรื่อง แปลกเหมือนกันนะ เพิ่งเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นกับคนล่าสุดนี่เอง

FYI
  • ติดตามชมซีรีส์ชุด Bangkok รัก Stories ตอน เก็บรัก ของทั้งคนได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-18.00 น. ทางช่อง GMM25 และสามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง Line TV
  • ในเรื่องนี้เป้รับบทเป็น หมอก ช่างตัดผมสุดฮอตแห่งสยามสแควร์ที่มีผู้หญิงมารักพร้อมกันถึง 3 คน แต่ตัวเขายังคงติดอยู่กับความรักครั้งเก่าที่เคยทำพลาดไป ส่วนสายป่านรับบทเป็น เจน คนรักเก่าของหมอกที่เคยถูกหมอกทำร้ายจนตัดสินใจไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายก็ยังต้องกลับมาเจอกับความรักที่เธอต้อง ‘เก็บ’ เอาไว้อีกครั้งอยู่ดี
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising