×

กูรูแนะจับตา ‘เงินบาท’ แนวต้านสำคัญ 34.20 ต่อดอลลาร์ หวั่นเกิด Panic แห่เทขายทำอ่อนค่ารุนแรง

26.04.2022
  • LOADING...
ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (26 เมษายน) ที่ระดับ 34.07 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.04 บาทต่อดอลลาร์

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ผู้เล่นในตลาดการเงินต่างอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จากหลายปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากดดันตลาดการเงินพร้อมกัน อาทิ ความกังวลแนวโน้ม Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ยที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก ปัญหาความไม่แน่นอนของสงคราม และปัจจัยเสี่ยงล่าสุด อย่างความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนสะดุดลง หากทางการจีนเดินหน้าใช้นโยบาย Zero COVID และล็อกดาวน์เมืองปักกิ่งเพิ่มเติม หลังเริ่มมีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น 

 

ภาวะดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงรุนแรง อย่างไรก็ดี ในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปิดตลาดปรับตัวขึ้นได้ แม้ว่าในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดการเงินจะปิดรับความเสี่ยงรุนแรงตามบรรยากาศในตลาดการเงินที่อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง 

 

โดยดัชนีหุ้นเทค Nasdaq ปรับตัวขึ้นกว่า +1.29% ส่วนดัชนี S&P 500 สามารถปิดตลาด +0.57% โดยการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดหลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ย่อตัวลงแตะแนวรับสำคัญ (Buy on Dip) โดยเฉพาะแรงซื้อหุ้นเทคขนาดใหญ่ที่กำลังจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์ อาทิ Alphabet (Google) และ Microsoft เป็นต้น ซึ่งเรามองว่า ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพยุงบรรยากาศในตลาดการเงินช่วงนี้ได้

 

พูนกล่าวว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกลับเข้ามาถือสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง พันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.82% 

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 101.7 จุด แรงหนุนโดยความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้กดดันให้สกุลเงินส่วนใหญ่ปรับตัวอ่อนค่าลง อาทิ เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับ 1.07 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็อ่อนค่าแตะระดับ 1.274 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ในขณะที่เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง โดยเงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าแตะระดับ 127.8 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจมาจากการที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 

 

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ยังได้กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงสู่ระดับ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าตลาดจะพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงหนักก็ตาม ทั้งนี้ เราคาดว่าผู้เล่นบางส่วนอาจต้องการถือทองคำเพื่อรับมือกับความผันผวนในตลาดการเงิน ทำให้แนวโน้มราคาทองคำยังมีโอกาสแกว่งตัว Sideways เหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

 

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตลาดประเมินว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง แต่ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านแนวโน้มค่าจ้างที่อยู่ในระดับสูงตามความต้องการแรงงาน จะช่วยหนุนให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนเมษายนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 108.5 จุด และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Alphabet (Google), Intel, Microsoft เป็นต้น โดยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดอาจพอช่วยพยุงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้บ้าง 

 

สำหรับในฝั่งเอเชีย ตลาดจะติดตามแนวโน้มสถานการณ์การระบาดของโควิดในจีน ว่าทางการจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ และทางการจีนจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดกับเมืองใหญ่อย่าง ปักกิ่ง หรือไม่ เพราะหากมีการล็อกดาวน์ปักกิ่งเกิดขึ้นก็อาจกดดันให้เศรษฐกิจซบเซาลงหนัก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และอาจเห็นภาพตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงต่อ พร้อมกับการอ่อนค่าของเงินหยวน (CNY) ตามการไหลออกของฟันด์โฟลวเพิ่มเติมได้

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท พูนกล่าวว่า บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง รวมถึงความกังวลปัญหาการระบาดของโควิดในจีน ยังอาจกดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลง ทั้งนี้ ควรจับตาแนวต้านสำคัญในช่วง 34.15-34.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถ้าหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ ก็อาจเป็นจุดที่ทำให้เกิดภาวะ Panic ในฝั่งผู้นำเข้าที่อาจเข้ามาเร่งซื้อเงินดอลลาร์ จากความกังวลว่าเงินบาทอาจอ่อนค่ารุนแรงได้อีก โดยโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าหนักได้นั้น เรามองว่าต้องเห็นภาพฟันด์โฟลวนักลงทุนต่างชาติไหลออกรุนแรงทั้งฝั่งหุ้นและบอนด์ ซึ่งปัจจุบันแรงขายสินทรัพย์ไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้รุนแรงนัก หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้ทยอยขายไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ และไทยปรับตัวขึ้นหนัก 

 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ยังคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.15 บาทต่อดอลลาร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising