×

Backbase เล็งรุกตลาดไทย ตั้งเป้ามีลูกค้าแบงก์รายแรกภายในไตรมาสแรกปีหน้า พร้อมมองการเปิด Virtual Bank เป็นโอกาสทางธุรกิจ

09.11.2023
  • LOADING...
Jouk Pleiter

Backbase ยูนิคอร์นด้านฟินเทคเตรียมรุกตลาดไทย ตั้งเป้ามีลูกค้าธนาคารรายแรกใช้บริการแพลตฟอร์มภายในไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมมองแผนเปิดไลเซนส์ Virtual Bank ของไทยเป็นโอกาสขยายฐานลูกค้า 

 

Jouk Pleiter ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Backbase ยูนิคอร์นด้านฟินเทคจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เน้นให้บริการด้านระบบไอทีและแพลตฟอร์มแก่ธุรกิจธนาคาร เปิดเผยในการสัมภาษณ์พิเศษกับ THE STANDARD WEALTH ว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยกับธนาคารไทยหลายราย เพื่อนำแพลตฟอร์มธนาคารที่เน้นสร้างการมีส่วนร่วม หรือ Engagement Banking เข้ามาให้บริการต่อยอดจากระบบที่ธนาคารไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน

 

Pleiter ระบุว่า Engagement Banking ของ Backbase มีจุดแข็งอยู่ที่การเป็นแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ที่สามารถเชื่อมโยงบริการทางการเงินได้อย่างครบวงจรแบบไร้รอยต่อภายใต้แอปพลิเคชันเดียว เสมือนเป็นซูเปอร์แอปทางการเงิน เริ่มตั้งแต่การแนะนำบริการแก่ลูกค้า ไปจนถึงการให้บริการ การดูแลหลังการขาย และการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งครอบคลุมวงจรชีวิตของลูกค้าทั้งหมด

 

“เราได้คุยกับธนาคารขนาดใหญ่ในไทยหลายราย และพบว่าส่วนใหญ่ยังมีการทำงานของระบบไอทีแบบไซโล คือมีบริการที่หลากหลายแต่ยังขาดการเชื่อมโยงเข้ามาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นช่องว่างที่ Backbase สามารถเข้ามาเติมเต็มได้ โดยระบบของเราจะทำหน้าที่เชื่อมต่อบริการต่างๆ โดยที่ไม่เข้าไปแตะระบบ Core Banking” Pleiter กล่าว

 

Pleiter ระบุว่า ปัจจุบัน Backbase ยังไม่มีฐานลูกค้าธนาคารในประเทศไทย แต่บริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถมีลูกค้ารายแรกได้ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทยังมองการเตรียมออกใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นโอกาสในการขยายการเติบโตทางธุรกิจอีกด้วย

 

“แพลตฟอร์มของ Backbase จะเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับผู้เล่นในตลาดการเงิน ในการตอบสนองความต้องการแก่กลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารหรือได้รับเครดิตมาก่อน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความราบรื่นในการให้บริการ” Pleiter ระบุ

 

ด้าน Riddhi Dutta รองประธานระดับภูมิภาคประจำเอเชียของ Baseback เปิดเผยข้อมูลจากงานวิจัยของ International Data Corporation (IDC) ที่ศึกษาการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของธนาคาร 125 แห่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยพบว่า 70% ของโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบของธนาคารในภูมิภาคนี้ต้องประสบกับความล้มเหลวจากค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลาพัฒนานานเกินไป ขณะที่ 30% ที่จัดว่าประสบความสำเร็จก็มีถึง 52% ที่มีประสิทธิภาพต่ำ และมีอีก 20-25% ที่ไม่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุน 

 

งานวิจัยดังกล่าวยังพบว่า ในแต่ละปีธนาคารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกต้องใช้งบประมาณรวมกันถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ไปกับการลงทุนในเทคโนโลยี แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีประสบการณ์ออกมาเป็นเชิงบวก และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหลักการ Digitalization ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างธนาคารกับลูกค้าในที่สุด

 

ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกลงมาดูเฉพาะในประเทศไทยพบว่า อุปสรรคสำคัญ 3 ประการที่ธนาคารในไทยต้องเผชิญเกี่ยวกับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันก็คือ การลดดาวน์ไทม์ของระบบ (61%), ความเสี่ยงในการดำเนินงานอันเนื่องจากการย้ายระบบ (58%) และโครงสร้างระบบยุคเก่า (48%)

 

Dutta ระบุว่า ปัจจุบันมีสถาบันการเงินทั่วโลกกว่า 120 แห่งที่ใช้แพลตฟอร์ม Engagement Banking ของ Backbase โดยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีลูกค้าที่ Backbase ดูแลหลายราย เช่น ABBANK, BDO Unibank, Bank of the Philippine Islands, EastWest Bank, HDFC Bank, IDFC FIRST Bank, Judo Bank, OCB, Techcombank, TPBank และ UBank

 

ทั้งนี้ Backbase เป็นบริษัทฟินเทคที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 ในอัมสเตอร์ดัม โดยมีสำนักงานระดับภูมิภาคทั้งในสิงคโปร์และแอตแลนตา และดำเนินกิจการในออสเตรเลีย, อินเดีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, เวียดนาม, ลาตินอเมริกา และสหราชอาณาจักร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising