AWC ประกาศกำไรปี 2565 ที่ 3,981 ล้านบาท โตกระฉูด 280% ได้อานิสงส์ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นรับเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งหลังปีหลัง ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมโตแกร่ง ดันค่าห้องพัก โรงแรมทำ New High ฟากธุรกิจศูนย์การค้าฟื้นแรงหลังต่างชาติเที่ยวทะลัก
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ของบริษัท มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 1,438 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมกำไรสุทธิตามงบการเงินปี 2565 อยู่ที่ 3,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 280% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรที่ 1,045 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มโรงแรมที่สามารถสร้างอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
โดยสอดรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในครึ่งหลังของปี 2565 แสดงให้เห็นศักยภาพขององค์กรในการสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และพร้อมหนุนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“ผลประกอบการในไตรมาส 4/65 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบปี 2565 ของบริษัท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวของประเทศที่กลับมาฟื้นตัวอย่างเด่นชัดในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปี (High Season) และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนศักยภาพของ AWC ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและการบริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิดเมื่อต้นปี 2563 ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึงการที่บริษัทได้รับกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 จำนวนกว่า 4,920 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่องของพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ ซึ่งมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน” วัลลภากล่าว
กำไรธุรกิจโรงแรมและการบริการโตก้าวกระโดด
ในไตรมาส 4/65 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการมีรายได้จากการดำเนินงาน 2,499 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) กว่า 848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 11,535% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 71.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
โดยมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวด้วยตัวเอง (Foreign Independent Tour: FIT) จำนวนกว่า 11.8 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง (High-to-Luxury) ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจนี้กลับมาเติบโตขึ้นในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมประชุมสัมมนา (MICE) กลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ กลุ่มรีสอร์ตระดับลักชัวรี รวมถึงเซกเมนต์อาหารและเครื่องดื่มจากงานอีเว้นท์ต่างๆ โดยในไตรมาส 4/65 ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC อยู่ 63.5% และมีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) อยู่ที่ 5,697 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นกว่า 45.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
รวมถึงโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ส่งผลให้ในสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีจำนวนโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์ดำเนินการทั้งหมด 20 โรงแรม รวม 5,458 ห้อง ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มี 16 โรงแรม และจำนวนห้องรวม 3,432 ห้อง
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์สร้าง Cash ต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มปี 2565 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7.6% ซึ่งเป็นผลมาจากศักยภาพของอาคารสำนักงานเกรด A ที่คำนึงด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ามีผลการดำเนินการที่เติบโตต่อเนื่องครอบคลุมเกือบทุกเซกเมนต์เช่นกัน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาครึกครื้น การจับจ่ายใช้สอยและการรับประทานอาหารนอกบ้านเพื่อพบปะสังสรรค์ในช่วงเทศกาลปลายปี โดยเฉพาะในกลุ่มคอมมูนิตี้ช้อปปิ้งมอลล์ ส่งผลให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 18%
นอกจากนี้ศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ก็มีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นถึง 98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567