วัลลภา ทายาทเจ้าสัวเจริญ ในฐานะแม่ทัพใหญ่ AWC โชว์กำไรไตรมาสแรกของปี 2568 ทำได้ 1,969 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรมทำสถิติรายได้เฉลี่ยต่อวันสูงสุดอยู่ที่ 6,663 บาทต่อคืน พร้อมเดินหน้าเพิ่ม 3 โครงการใหม่เสริมพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า แม้ช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความผันผวนและท้าทายรอบด้าน แต่ AWC ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์และยังได้รับสัญญาณบวกจากกลุ่มลูกค้าคุณภาพ ทำให้ผลประกอบการไตรมาส แรกของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง
ด้วยรายได้รวม 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 (YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 3,417 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 (YoY) และมีอัตราผลตอบแทน EBITDA ต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) อยู่ที่ร้อยละ 10.0 เติบโตร้อยละ 13.6 (YoY) พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลด้วยอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปีก่อนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แน่นอนว่าการเติบโตทั้งหมดมาจากความสำเร็จของกลยุทธ์ Growth-Led Strategy ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจ ด้วยการเร่งพัฒนาแปลงทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน และการเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน (Asset Stage Movement) เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง
พร้อมขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการและกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลอย่างต่อเนื่องในโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช โครงการ Jubilee Prestige Tower และโครงการ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้อย่างทันที
ทั้งนี้ได้เสริมความแข็งแกร่งของมูลค่าทรัพย์สินรวมให้เติบโตสู่ 209,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากปี 2562 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานของบริษัท ณ ไตรมาสนี้อยู่ที่ 161,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากไตรมาสก่อน (QoQ) พร้อมสร้างกระแสเงินสดเติบโตก้าวกระโดด
เมื่อเจาะลึกมาดูกลุ่มธุรกิจโรงแรมสร้างรายได้รวมกว่า 3,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 (YoY) โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อวันทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6,663 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 (YoY) ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก อยู่ที่ 4,992 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 (YoY) และเมื่อเปรียบเทียบกับพอร์ตโรงแรมเดิมในปี 2567 จะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก อยู่ที่ 5,072 บาท เติบโตสูงกว่าตลาด 4 เท่า
สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่วนกำไรจากการดำเนินงาน ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 1,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรี ในจุดหมายปลายทางยอดนิยม ทั้งเกาะสมุย และกระบี่ ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเติบโตถึงร้อยละ 10.5 (YoY)
ส่วนโรงแรมในกรุงเทพฯและโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ยังสามารถเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน ต้องบอกว่า พอร์ตโฟลิโอโรงแรมของ AWC ยังสร้างรายได้(Revenue Generation Index หรือ RGI) เฉลี่ยอยู่ที่ 103 โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรีและโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มี RGI สูงถึง 119 และ 117 ตามลำดับ
ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยังคงเติบโต โดย เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่สร้างรายได้สูง รวมถึงกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดล AWC’s Lifestyle Destination ในไตรมาสที่ผ่านมามีอัตราการรักษาผู้เช่า สูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 99 แม้ภาพรวมในตลาดมีอัตราการโยกย้ายสูงก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกยังคงเชื่อมั่นในโมเดลอันเป็นเอกลักษณ์ของ AWC อาทิ โมเดลพื้นที่ Co-living และไลฟ์สไตล์ภายในอาคารสำนักงาน
ในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้า หลังการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้น ทั้งในด้านอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น มีจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง