เซเรนากับแกรนด์สแลมหมายเลข 24? เน็กซ์เจน VS. บิ๊กทรี? หลากสตอรีไลน์ใน ‘ออสเตรเลียน โอเพ่น 2020’

แม้จะมีปัญหาเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้ายอันเป็นผลกระทบจากไฟป่าที่เผาไหม้ประเทศออสเตรเลียอย่างรุนแรง แต่การแข่งขันเทนนิสยังดำเนินต่อไปตามปกติ ซึ่งวันนี้ (20 มกราคม) เป็นวันแรกของการแข่งขันรายการออสเตรเลียน โอเพ่น 2020 และแกรนด์สแลมแรกของปีก็ยังคงมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายให้ติดตาม

เซเรนากับแกรนด์สแลมหมายเลข 24

หลังจากปลดล็อกจิตใจตัวเองได้สำเร็จในการแข่งขันที่โอ๊คแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (และเราก็ได้เห็นภาพน่ารักๆ ที่เธออุ้มยัยหนูโอลิมเปียมาชูถ้วยแชมป์ด้วย) สิ่งที่แฟนเทนนิสให้ความสนใจคือราชินีคอร์ตอย่าง เซเรนา วิลเลียมส์ จะสามารถกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ในรายการระดับแกรนด์สแลมได้หรือยัง 

ความจริงนับตั้งแต่ที่เธอหวนคืนสู่วงการเมื่อปี 2018 วิลเลียมส์สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของแกรนด์สแลมได้ถึง 4 ครั้ง แต่ทุกครั้งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด โดยเฉพาะต่อ นาโอมิ โอซากะ และบิอันกา อันดรีสคู ซึ่งเป็นนักเทนนิสวัยเยาว์ที่ประสบการณ์ในเวทีระดับนี้แทบไม่มีมาก่อน (อีก 2 คนที่ชนะเธอคือ แองเจลิก แคร์เบอร์ และซิโมนา ฮาเล็ป)

การที่วิลเลียมส์แพ้ต่อเด็กน้อยทั้งสอง (ซึ่งเวลานี้ก้าวมาเป็นสตาร์ทั้งคู่) ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามถึง ‘ออร่า’ ของผู้ชนะที่เธอเคยมีว่ามันได้หายไปตลอดกาลแล้วใช่หรือไม่ หรือการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องร่างกายหรือจิตใจทำให้เธอสูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว?

คำถามนี้เราจะได้มาฟังคำตอบจากเธออีกครั้งว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้เห็นราชินีคอร์ตตลอดกาลคนเดิมในออสเตรเลียน โอเพ่น ปีนี้หรือไม่

บทอำลาแสนหวานของแคโรไลน์

ในยุคสมัยที่วงการเทนนิสหญิงถูกปกครองโดยราชินีเซเรนา มีนักเทนนิสสาวมากมายหลายคนที่พยายามขึ้นมาท้าชิงความเป็นหนึ่ง ซึ่งก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้เสมอ แต่อย่างน้อยมีคนหนึ่งที่เคยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่ง และยืนระยะได้ยาวนานบนจุดสูงสุดของอันดับโลก

นักเทนนิสสาวคนนั้นคือ แคโรไลน์ วอซเนียคกี ที่เป็นขวัญใจมหาชนคนหนึ่ง (โดยเฉพาะในหมู่แฟนฟุตบอล เพราะเธอประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นสาวกหงส์แดง!) แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักหวดชาวเดนมาร์กประสบปัญหาอาการบาดเจ็บซ้ำๆ และถูกตรวจพบว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เมื่อปี 2018 จนอันดับร่วงลงจากเดิมอย่างมาก (ปัจจุบันเธออยู่ในอันดับที่ 71 ของโลก)

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา วอซเนียคกีได้ประกาศข่าวร้ายผ่านโซเชียลมีเดียว่าเธอจะลงเล่นในรายการออสเตรเลียน โอเพ่น 2020 เป็นรายการสุดท้ายก่อนจะแขวนแร็กเก็ตอย่างเป็นทางการ โดยจะขอไปใช้ชีวิตครอบครัวกับ เดวิด ลี สามีซึ่งเป็นอดีตนักบาสเกตบอลของทีมโกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส แทน

ที่ต้องเป็นรายการนี้เพราะออสเตรเลียน โอเพ่น คือรายการแกรนด์สแลมแรกที่เธอคว้ามาครองได้ และอยากจะคว้ามันมาครองให้ได้เป็นรายการสุดท้ายนั่นเอง

เริ่มต้นทศวรรษใหม่กับ Next Gen 

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีการพูดถึงกลุ่มนักเทนนิสสายเลือดใหม่ที่ถูกคาดหวังว่าจะขึ้นมาแทนที่ ‘บิ๊กทรี’ กลุ่มมหาอำนาจเดิมอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิช ได้เสียที (ขณะที่ แอนดี เมอร์เรย์ โชคร้ายบาดเจ็บและต้องถอนตัวจากรายการนี้ไปก่อน) ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง

เดือนที่แล้วเราได้เห็น สเตฟานอส ซิตซิปาส คว้าแชมป์เอทีพี ไฟนอลส์ มาครองได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งเจ้าหนุ่มสุดฮิป (ไม่เชื่อลองเข้าไปในอินสตาแกรมของเขาสิ @stefanostsitsipas98) ผู้เคยประกาศว่าเขาจะขอทำลายสถิติชนะรวด 17 นัดของเฟเดอเรอร์ให้ได้ในการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อปีกลาย แต่ก็ดันพ่ายต่อนาดาลในรอบรองชนะเลิศก่อน ก็หมายมั่นปั้นมือว่าปีนี้เขาจะไปให้ถึงดวงดาว

นอกจากนี้ยังมี โดมินิก ธีม, อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ, ดานิล เมดเวเดฟ ที่โลกเฝ้ารอพวกเขามานานว่าถึงเวลาจะยึดอำนาจคืนจากกลุ่มสามผู้เฒ่าได้หรือยัง

ใครเป็นแฟนนักเทนนิสหนุ่มๆ เหล่านี้ก็ต้องเอาใจช่วยกันไป

หรือสามผู้เฒ่าจะยังครองโลกเหมือนเดิม

ในมังงะวันพีซ โลกถูกปกครองโดย 5 ผู้เฒ่า แต่ในโลกเทนนิส วงการลูกสักหลาดอยู่ใต้การปกครองของ 3 ผู้เฒ่าอย่าง เฟเดอเรอร์, นาดาล และยอโควิช มานาน (มีเมอร์เรย์ขึ้นมาแทรกบ้าง แต่ก็ไม่นาน) ซึ่งแม้จะมีกองเชียร์กลุ่ม Next Gen กันเยอะ แต่กองเชียร์สุดยอดนักเทนนิสระดับตำนานเหล่านี้มีมากกว่าเยอะ

ยอโควิชในวัย 32 ปีจะลงทำการป้องกันแชมป์ในปีนี้ และอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้เป็นสมัยที่ 8 เพื่อจะได้แกรนด์สแลมรายการที่ 17 ของตัวเอง ขณะที่นาดาลในวัย 33 ปี ตามหลังเฟเดอเรอร์เพียงแค่แกรนด์สแลมเดียวเท่านั้น (เฟเดอเรอร์คว้ามาแล้ว 20 สแลม)

ส่วนเฟเดอเรอร์ในวัย 38 ปี ซึ่งเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ลงเล่นรายการเอทีพีคัพเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับออสเตรเลียน โอเพ่น และตั้งใจจะคว้าแชมป์ให้ได้เพื่อหนีทั้งนาดาลและยอโควิชที่ไล่ตามมาเกือบทัน

ปีนี้ยังเป็นปีที่ลือกัน (อีกแล้ว) ว่าจะเป็นปีสุดท้ายของเฟเดอเรอร์ ถ้าเขาได้สัก 1 หรือ 2 สแลม และได้เหรียญทองโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวปิดท้าย ก็ถือเป็นการปิดฉากชีวิตการเล่นที่แสนมหัศจรรย์

ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในออสเตรเลียน โอเพ่น ที่เราคงจะได้ลุ้น เอาใจช่วย และติดตามกันไปตลอด 2 สัปดาห์นับจากนี้

โดยขอให้ทุกคนปลอดภัยจากสภาพอากาศที่เลวร้ายด้วยเทอญ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

• คุณแม่ทำได้! การกลับมาคว้าแชมป์ครั้งแรกของ เซเรนา วิลเลียมส์ นับแต่ให้กำเนิดลูกสาว
• นักเทนนิสดาวดัง รวมตัวจัดการแข่งขันการกุศล ‘Rally for Relief’ ระดมทุนช่วยเหลือวิกฤตไฟป่าออสเตรเลีย

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์