ทางการออสเตรเลียออกคำสั่งให้ประชาชนกว่า 50,000 คนอพยพออกจากบ้านพัก หลังเกิดน้ำท่วมหนักในรัฐนิวเซาท์เวลส์เป็นรอบที่ 3 ของปีนี้ โดยฝนที่ตกหนักตลอด 4 วันทำให้บางพื้นที่ของเมืองต้องรับมวลน้ำปริมาณมหาศาลเทียบเท่ากับฝนตก 8 เดือน
ถนนถูกตัดขาด บ้านเรือนหลายหลังจมอยู่ใต้บาดาล ขณะที่ประชาชนหลายหมื่นคนขาดแคลนไฟฟ้าใช้ โดยทางการได้ออกคำสั่งอพยพแล้วกว่า 100 คำสั่งทั่วพื้นที่มหานครซิดนีย์และปริมณฑล (Greater Sydney)
แม้พยากรณ์อากาศจะระบุว่า ฝนจะเริ่มซาลงในวันนี้ (5 กรกฎาคม) แต่คาดว่าจะมีลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้ต้นไม้หักโค่นหรือสายไฟพังตกลงมาได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากน้ำที่อยู่ในพื้นที่กักเก็บน้ำของนิวเซาท์เวลส์ใกล้จะเอ่อล้นเต็มทีแล้ว โดยบางภูมิภาคของรัฐเผชิญกับปริมาณน้ำฝนมากถึง 800 มิลลิเมตร นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (2 กรกฎาคม) เทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีของทั้งประเทศซึ่งอยู่ที่แค่ 500 มิลลิเมตร
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในซิดนีย์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีกระแสลมแรงพัดน้ำอุ่นบริเวณพื้นผิวมหาสมุทรแปซิฟิกจากอเมริกาใต้ไปยังอินโดนีเซีย ส่งผลให้น้ำเย็นขึ้นมาแทนที่ ซึ่งในออสเตรเลียนั้นลานีญาจะทำให้เกิดฝนตกหนักมากกว่าปกติ เกิดพายุไซโคลนถี่ขึ้น และอากาศเย็นขึ้นในช่วงกลางวัน โดยฝนที่ตกหนักจากปรากฏการณ์ลานีญาและสภาวะโลกรวนส่งผลให้มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากอุทกภัยแล้วกว่า 20 คนเฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
บรรยาย: รัฐโรจน์ จิตรพนา
ตัดต่อ: ธัชพร ตั้งตระกูล